ทอท.แจงกรณีไทโคอินเตอร์เนชั่นแนลฯ อ้างจ่ายสินบนก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ชี้แจงกรณีการจ่ายสินบนโครงการที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติแห่งที่ 2 (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ)

0
417

 

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ชี้แจงกรณีการจ่ายสินบนโครงการที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติแห่งที่ 2 (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ)
ตามที่มีข่าวอ้างว่าบริษัท ไทโค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้จ่ายสินบนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติแห่งที่ 2 (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ในระหว่างปี พ.ศ. 2547 – 2548 ซึ่งทำให้บริษัทฯ ได้กำไรเป็นเงิน 879,258 ดอลลาร์สหรัฐ นั้น
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กระทรวงคมนาคม ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นแล้ว แจ้งว่า โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติแห่งที่ 2 ปัจจุบันคือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นโครงการที่ดำเนินการโดย บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด (New Bangkok International Airport Company Limited : NBIA) (บทม.) ซึ่งได้รับมอบหมายจากรัฐบาลในขณะนั้นให้รับผิดชอบโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเริ่มการก่อสร้างตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2545 และมีสัญญาจ้างบริษัทที่รับเหมาก่อสร้างพร้อมติดตั้งอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยาน คือ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ส่วนบริษัท ไทโค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ไม่ได้มีนิติกรรมสัญญาใด ๆ กับโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแต่อย่างใด ต่อมาในช่วงปลายปี พ.ศ. 2548 จึงได้โอนการบริหารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้กับ ทอท. และเปิดให้บริการในเดือนกันยายน พ.ศ. 2549 แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนและถูกต้องชี้แจงต่อสาธารณชนและหน่วยงานตรวจสอบต่าง ๆ ทอท. จะแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวโดยเร่งด่วนต่อไป
ทอท. มีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส โดยปัจจุบัน ทอท. ได้นำโครงการลงทุนก่อสร้างที่สำคัญ มีมูลค่าการลงทุนสูงเข้าร่วมเป็นโครงการต้นแบบตามโครงการของ Construction Sector Transparency Initiative (CoST) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีวัตถุประสงค์หลักในการช่วยยกระดับมาตรฐานความโปร่งใสและการตรวจสอบโครงการก่อสร้างของภาครัฐ โดยใช้กลไกการเปิดเผยข้อมูลพื้นฐานทุกกระบวนการ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เพื่อนำมาใช้ยกระดับมาตรฐานความโปร่งใสในโครงการก่อสร้างของภาครัฐในประเทศไทย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนเพิ่มมากขึ้นด้วย