ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย (HPT) ประสบความสำเร็จการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเฟสสอง ณ ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อเพิ่มประสิทธิผลและความคล่องตัวการปฏิบัติงาน รวมทั้งเสริมความร่วมมือของทีมงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
มร.สตีเฟ้นท์ อาร์ชเวิรท กรรมการผู้จัดการ ฮัทชิสัน พอร์ท ประจำประเทศไทย และ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “เราให้ความสำคัญในการลงทุนเพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลใหม่นี้ และเห็นได้ว่าผลที่ได้นั้นคุ้มค่าเป็นอย่างมาก ด้วยเทคโนโลยีใหม่เหล่านี้ช่วยให้เราเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์สำหรับลูกค้าและผู้ใช้บริการท่าเรือรายอื่น ๆ และเราจะเดินหน้าลงทุนพัฒนาระบบที่ทันสมัยต่อไปเพื่อยกระดับศักยภาพการดำเนินงานของเรา และสิ่งนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถขนถ่ายสินค้าได้รวดเร็วและมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น อันถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก”
“นับเป็นหนึ่งในระบบการทำงานที่ทันสมัยที่นำเข้ามาช่วยในการดำเนินงานของบริษัทไม่ว่าจะเป็นงานของฝ่ายปฏิบัติการ ฝ่ายการเงิน ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล และฝ่ายกิจการองค์กร รวมถึงงานต่าง ๆ ในลานและหน้าท่าระบบแพลตฟอร์มดิจิทัลของฮัทชิสัน พอร์ท ยังเอื้อประโยชน์ในด้านสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทฯ สามารถรถลดปริมาณการใช้กระดาษลงได้มากถึง 11% หรืออย่างการใช้ปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่าและรถบรรทุกระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ใช้พลังงานไฟฟ้ายังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในช่วงสิบเดือนแรกของปี 2564 ได้ถึง 12% เมื่อเทียบกับปริมาณการปล่อยก๊าซในปี 2563 ตลอดทั้งปีลูกค้าเองยังสามารถติดต่อประสานงานผ่านระบบดิจิทัลได้ไม่ว่าอยู่ที่ใด ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถตรวจสอบสถานะสินค้าหรือโอนชำระเงินได้อย่างสะดวกสบายผ่านสมาร์ทโฟน”
มร.สตีเฟ้นท์ ย้ำว่าในโลกดิจิทัลยุคใหม่ ความคาดหวังของลูกค้ากำลังเปลี่ยนไป และสิ่งสำคัญในฐานะของผู้นำในธุรกิจการให้บริการขนส่งสินค้าคือเราต้องสามารถนำส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำตรงตามที่พวกเขาต้องการ เราเองมีการวางแผนเพื่อเพิ่มศักยภาพของเราให้ดียิ่งขึ้น โดยในปี 2565 นี้เรามีแผนที่จะนำระบบช่องทางผ่านเข้า-ออกท่าเทียบเรืออัตโนมัติ และใบผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้งานในเฟสแรก เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับการเปลี่ยนแปลงเป็นระบบดิจิทัลในอนาคต ตลอดจนประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับกับการพัฒนานั้นๆ