กรมทางหลวงรายงานสถานการณ์อุทกภัยบนทางหลวงวันที่ 14 ต.ค. 64 พบทางหลวงถูกน้ำท่วม/ดินสไลด์ 11 จังหวัด การจราจรผ่านไม่ได้ 13 แห่ง เร่งดำเนินการฟื้นฟูสายทางที่ได้รับผลกระทบเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีความห่วงใยต่อประชาชนจึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนป้องกันสาธารณภัยอย่างเคร่งครัดพร้อมทั้งเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที พร้อมกำชับให้เร่งสำรวจเส้นทางการคมนาคม ที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัยและแก้ไขซ่อมแซมฟื้นฟูโดยเร็วเมื่อสถานการณ์อุทกภัยมีความคลี่คลายเพื่อให้เส้นทางการคมนาคมกลับมาใช้งานได้ปกติโดยเร็ว
กรมทางหลวงรับนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมปฏิบัติตามแผนป้องกันสาธารณภัยอย่างเคร่งครัดและติดตามข้อมูลปริมาณและทิศทางน้ำตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบเส้นทางการสัญจรที่จะได้รับผลกระทบ รวมทั้งวางแผนการดำเนินงานและการบริหารจัดการ จัดหาเส้นทางเลี่ยงและประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนทราบล่วงหน้า และจัดเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนด้านการจราจรบน พร้อมตั้งจุดให้บริการประชาชน จัดเจ้าหน้าที่ รถ Mobile Service และรถบรรทุกช่วยเหลือประชาชน แจกถุงยังชีพและช่วยทำความสะอาดบ้านเรือนและสนับสนุนเครื่องมือเครื่องจักร ยานพาหนะ กรณีมีการร้องขอจากหน่วยงานอื่นๆ หรือประชาชนเพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชน
สำหรับสถานการณ์ประจำวันที่ 14 ตุลาคม 2564 เวลา 13.30 น. พบทางหลวงถูกน้ำท่วม/ดินสไลด์ และสะพานชำรุด จำนวน 11 จังหวัด ( 26 สายทาง 46 แห่ง) โดยทางหลวงในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ได้แก่ 1) จ.ขอนแก่น 2) จ.มหาสารคาม 3) จ.มุกดาหาร 4) จ.นนทบุรี 5) จ.อ่างทอง 6) จ.พระนครศรีอยุธยา 7) จ.สุพรรณบุรี ? จ.นครสวรรค์ 9) จ.จันทบุรี 10) จ.ปราจีนบุรี 11) จ.สระแก้ว ซึ่งมีการจราจรผ่านไม่ได้ 13 แห่ง ดังนี้
◾1. จ.ขอนแก่น (การจราจรผ่านไม่ได้ 3 แห่ง)
– ทล. 2 ท่าพระ – ขอนแก่น ช่วง กม.ที่ 329+913 (จุดกลับรถใต้สะพานกุดกว้าง) ระดับน้ำสูง 240 ซม.
– ทล. 2065 พล – ลำชี ช่วง กม.ที่ 33+625 น้ำกัดเซาะคันทางสไลด์
– ทล. 2065 พล – ลำชี ช่วง กม.ที่ 33+785 น้ำกัดเซาะคันทางสไลด์
◾2. จ.มหาสารคาม (การจราจรผ่านไม่ได้ 1 แห่ง)
– ทล.213 มหาสารคาม-หนองขอน ช่วง กม.5+530 (อุโมงค์ท่าขอนยาง) ระดับน้ำสูง 210 ซม.ลำน้ำชีล้นตลิ่ง มีระดับน้ำสูงขึ้น ผนังกั้นน้ำถูกกัดเซาะ ทำการปิดทางลอดอุโมงค์ใต้สะพาน
◾3. จ.นนทบุรี (การจราจรผ่านไม่ได้ 1 แห่ง)
– ทล.307 แยกสวนสมเด็จ-สะพานนนทบุรี ช่วง กม.ที่ 0+942 (จุดกลับรถใต้สะพานนนทบุรี) ระดับน้ำสูง 20 ซม.
◾4. จ.อ่างทอง (การจราจรผ่านไม่ได้ 3 แห่ง)
– ทล.32 นครหลวง-อ่างทอง ช่วง กม.ที่ 32+607 (จุดกลับรถคลองกะท่อ) ระดับน้ำสูง 150 ซม.
– ทล.32 นครหลวง-อ่างทอง ช่วง กม.ที่ 33+200 (จุดกลับรถใต้ท่อ Box Cul.) ระดับน้ำสูง 90 ซม.
– ทล.33 นาคู-ป่าโมก ช่วง กม.ที่ 36+000-36+200 (สี่แยกไฟแดงป่าโมก) ระดับน้ำสูง 20 ซม.
◾ 5. จ.พระนครศรีอยุธยา (การจราจรผ่านไม่ได้ 3 แห่ง)
– ทล. 347 บางกระสั้น – บางปะหัน ช่วง กม.ที่ 40+860 (จุดกลับรถใต้สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา) ระดับน้ำสูง 25 ซม. ใช้ทางกลับรถข้างหน้าแทน
– ทล. 3263 อยุธยา – ไผ่กองดิน ช่วง กม.ที่ 10+940 (จุดกลับรถใต้สะพานสีกุก) ระดับน้ำสูง 165 ซม. ใช้ทางกลับรถข้างหน้าแทน
– ทล. 3263 อยุธยา – ไผ่กองดิน ช่วง กม.ที่ 11+100 (จุดกลับรถใต้สะพานสีกุก) ระดับน้ำสูง 165 ซม. ใช้ทางกลับรถข้างหน้าแทน
6 จ.สุพรรณบุรี (การจราจรผ่านไม่ได้ 2 แห่ง)
– ทล. 33 สุพรรณบุรี – นาคู ช่วง กม.ที่ 9+886 (สะพานคลองทับน้ำ) ระดับน้ำสูง 80 ซม. ใช้ทางกลับรถข้างหน้าแทน
– ทล. 340 สาลี – สุพรรณบุรี กม.ที่ 59+674 (สะพานศาลเจ้าแม่ทับทิม) ระดับน้ำสูง 130 ซม. ใช้ทางกลับรถข้างหน้าแทน
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทางหลวงเดินทางด้วยความระมัดระวังเพื่อความปลอดภัย พร้อมปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำและคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด และหากประชาชนต้องการสอบถามสภาพเส้นทาง สภาพการจราจร หรือต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงในพื้นที่ และสายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) และสามารถติดตามการรายงานสถานการณ์สภาพเส้นทางได้ที่ทวิตเตอร์กรมทางหลวง @prdoh1