เปิดผลวิจัย“คนไทย”กระเหี้ยนกระหือรือยานยนต์ EV มากสุดในอาเซียน

0
73

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อโลกนี้ตะบี้ตะบันการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ย่อมส่งกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้ประกอบการและผู้คนทั่วโลกต่างตื่นตัวหันมาสนใจยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้ากันมากขึ้น เป็นใบเบิกทางให้กลายเป็นเมกะเทรนด์ไปทั่วโลก

ขณะที่ประเทศไทยก็ดูตื่นตัวไม่แพ้ชาติใดในโลกเช่นกัน เพราะดูจากผลสำรวจเทรนด์ยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าของประเทศไทยประจำปี 2564 (ซึ่งจัดทำโดย นิสสัน อาเซียน ร่วมมือกับ ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน)

พบว่าผู้บริโภคชาวไทยมีความสนใจ หรือกระเหี้ยนกระหือรือยานยนต์ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน โดยผลวิจัยชี้ให้เห็นถึง 3 เทรนด์หลักที่เกิดขึ้นในประเทศไทยได้แก่ ความตระหนักในเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น ความเข้าใจดีในเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า และกระแสที่กำลังมาของอี-พาวเวอร์ (e-POWER)

ซึ่งงานวิจัยนี้จัดทำขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2561 เพื่อเก็บข้อมูลเปรียบเทียบผู้บริโภคในประเทศต่าง ๆ จากนั้นในเดือน ก.ย.  2563 บริษัท ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน ได้ทำการศึกษาอีกครั้งผ่าน 6 ตลาดในภูมิภาคอาเซียน (ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม)

จนพบว่ามีจำนวนร้อยละ 43 ของผู้ใช้รถยนต์ในไทย ตัดสินใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า หากต้องซื้อรถยนต์คันต่อไปในอีก 3 ปีข้างหน้า ผลสำรวจยังระบุอีกว่า ผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยมีความกระตือรือร้นในการพิจารณาเลือกซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน เช่นเดียวกับอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

ที่น่าสนใจคือ ประเทศไทยมีจำนวนผู้ที่เข้าใจเรื่องเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้ารวมถึงวิธีการใช้งานเพิ่มมากขึ้นร้อยละ 53 นอกจากนี้ผลสำรวจยังชี้ให้เห็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึงร้อยละ 33 ของผู้ร่วมตอบแบบสำรวจ จะเลือกพิจารณาซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เมื่อเทียบกับ 5 ปีที่ผ่านมา

ส่วนปัจจัยอันดับต้นๆ ในประเทศไทยที่ทำให้ผู้ตอบแบบสอบถามเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าพบว่า ร้อยละ 90 ของผู้ใช้รถตระหนักว่า ‘รถยนต์ไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับสิ่งแวดล้อม’ ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยในภูมิภาคอาเซียน (ร้อยละ 88)

ขณะที่หนึ่งในเทรนด์น่าจับตามองในอนาคตสำหรับระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ได้แก่ เทคโนโลยีอี-พาวเวอร์ ที่ขับขี่โดยไม่ต้องชาร์จไฟฟ้าจากภายนอก ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนผลการสำรวจนี้คือ ร้อยละ 76 ของผู้ตอบแบบสำรวจชาวไทยระบุว่า อุปสรรคต่อการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า คือ สถานีชาร์จไฟฟ้าที่จำเป็นต้องมีมากขึ้นในเขตบริเวณที่พักอาศัย และความกังวลเกี่ยวกับระบบแท่นชาร์จไฟฟ้าตามแหล่งสาธารณะ (ร้อยละ 47)

นอกจากนี้ งานวิจัยผู้บริโภคใน 6 ภูมิภาคอาเซียน พบว่าจำนวนร้อยละ 66 ของผู้บริโภคในภูมิภาคเชื่อว่าพวกเขาไม่อาจหลีกเลี่ยงการหันมาใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ เพราะสิ่งนี้กำลังจะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตในอนาคตอันใกล้

จากเมกะเทรนด์โลกนี้แสดงให้เห็นว่า…ยานยนต์ไฟฟ้ามันไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป!