ล่วงเข้าสู่วันที่ 26 ธ.ค.63 ห้วงเวลาปลายปีที่เวลานี้หลายๆท่านคนพันธุ์ต.จ.ว.ที่แห่เข้าเมืองกรุงเพื่อปรุง-สร้างฝันสร้างอนาคตพลางขายแรงงาน-วิชาความรู้เพื่อแลกมาซึ่ง”เงินเดือน-ค่าแรง”ได้เวลาไหลออกจากเมืองกรุงมุ่งสู่ภูมิลำเนากลับไปเฉลิมฉลองกับครอบครัวอันเป็นที่รักในเทศกาลแห่งความสุขสันต์วันปีใหม่ 2564 นี้
ประจักษ์พยานทิ่มลูกตาผ่านโลกโซเชียลเห็นได้จากบนถนนสายหลักเริ่มคราคร่ำด้วยยวดยานพาหนะกันบ้างแล้วพี่น้องครับ!
เป็นประจำทุกปีที่หน่วยงานภาครัฐต่างก็งัดหลายมาตรการเพื่ออำนวยความสะดวกความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนที่จะแห่ออกเดินทางจากเมืองกรุงสู่ทุกภูมิภาคของไทย หวังลดปัญหาการจราจรหนาแน่นและอุบัติเหตุบนท้องถนนอะไรเทือกนั้น
หากจะบอกว่า“หวยไม่ล็อก”ก็ดูไม่น่าเกลียดอะไรกับ 7 ถนนต้องห้ามสิบล้อวิ่งโดยเด็ดขาดในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 นี้ที่ตร.ทางหลวงแจ้งให้พี่น้องสิบล้อรับทราบไว้ล่วงหน้า ในป่าดงดิบสิบล้อเมืองไทยหลายท่านไม่บอกก็ทราบล่วงหน้าและเตรียมใจเอาไว้แล้ว แม้เปลือกความรู้สึกบางๆพวกเขาอาจพอรับได้ว่า“ต้องเสียสละ”(อีกแล้ว)เพราะบริบทความเป็น“พี่ใหญ่“บนท้องถนนแบกไว้บนบ่าชีวิตหลังพวงมาลัยอย่างพวกเขา
ทว่า แกนแก่นความรู้สึกลึกๆพวกเขาอาจมองได้ว่า “รถบรรทุกสิบล้อถูกเลือกปฏิบัติ”หรือไม่?
ไปส่องดูว่าไอ้ 7 ถนนต้องห้ามนั้นมีเส้นไหนบ้าง?ช่วงไหนบ้าง?เผื่อพี่น้องสิบล้ออาจเผลอหลงผ่านไปบ้างในช่วงเวลาต้องห้ามแล้วจะได้รู้ทันและหาทางหลบเลี่ยงไปใชเส้นทางอื่น โดยตำรวจทางหลวงได้กำหนดห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไปเดินรถบนถนนบางสาย ตั้งแต่ 30 ธ.ค.63- 4 ม.ค.64 ทั้งขาขึ้นและขาล่องใน 7 ถนนต้องห้ามดังต่อไปนี้
เบิกร่องกับถนนต้องห้ามสายแรกที่ขึ้นทำเนียบรถติดมหาโหดอันดับต้นๆของไทยยามเมื่อถึงเทศกาลสำคัญมาเยือน ต้องยกให้ถนนมิตรภาพ…ยังคงเดิม หรือถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 ตร.ทล.กากบาทห้ามสิบล้อขึ้นไปวิ่ง แต่ไม่ได้ห้ามวิ่งทั้งเส้นนะจ๊ะ แต่เป็นการห้ามวิ่งตั้งแต่กม.ที่ 15+600 ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรีเลี้ยวขวาๆ ถึงกม.ที่ 35+772 รวมสิริระยะทางต้องห้าม 20 กม.ที่ห้ามสิบล้อเข้าไปมีส่วนร่วมกับมวลหมู่ยานพาหนะอื่นๆ
ถนนต้องห้ามของพลพรรคสิบล้อถัดมาเป็นถนนพหลโยธิน (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1) ปักหมุดตั้งแต่กม.ที่ 99+800 ถึงกม.ที่ 106+150 ต.หนองยาว อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี รวมระยะทาง 7 กม.
อันดับ 3 เป็นคิวถนนเลี่ยงเมืองสระบุรีฝั่งตะวันตก (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 362) ตั้งแต่กม.ที่ 0+000 ถึงกม.ที่ 9+288 ต.ปากข้าวสาร อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี ระยะทาง 9 กม.
อันดับ 4 ยังเป็นถนนพหลโยธิน (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1) แต่เป็นห้ามวิ่งช่วงกม.ที่ 332 ต.กลางแดด อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ถึงกม.ที่ 347 ต.นครสวรรค์ตก อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ระยะทาง 15 กม.ด้วยกัน
อันดับ 5 ยังวนเวียนอยู่แถวเมืองปากน้ำโพ เป็นถนนรังสิโยทัย (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 117) ตั้งแต่กม.ที่ 0+000 ต.ปากน้ำโพ อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ถึงกม.ที่ 7 ต.บางม่วง อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ระยะทาง 7 กม.
อันดับ 6 นี่ก็คุณภาพคับแก้วในเรื่องรถติดวินาศสันตะโร มวลยานพาหนะมักสามัคคีชุมนุมโดยเวลานัดหมายช่วงเทศกาล นั่นก็คือถนนกบินทร์บุรี – ปักธงชัย (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304) ห้ามสิบล้อวิ่งตั้งแต่กม.ที่ 165 ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ถึงกม. 195 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ระยะทางมากกว่าทุกถนนต้องห้าม คือ 30 กม.เลยทีเดียว
ปิดท้ายกันที่ถนนบุรีรัมย์ – อรัญประเทศ (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 348) ตั้งแต่กม.ที่ 70 ต.ทัพราช อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ถึงกม.ที่ 81 ต.ลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ระยะทาง 11 กม.ด้วยกัน
ถามว่ากรณีรถบรรทุกบางประเภทที่มีความจำเป็นต้องเดินรถใน 7 ถนนต้องห้ามดังกล่าวข้างต้นในช่วงเวลาที่ได้ร่ายมานี้จะทำอย่างไร?ทางตร.ทล.ท่านกรุณาให้คำตอบชัดแจ้ง(หรือเปล่า)ว่า“ให้อยู่ในอำนาจการพิจารณาของเจ้าพนักงานจราจรจังหวัดนั้น ๆ อนุญาตเป็นกรณีไป”
สิ้นคำตอบให้ขึ้นอยู่กับอำนาจการพิจารณาของเจ้าพนักงานจราจรจังหวัดนั้น ๆจะกรุณาอนุญาตเป็นกรณีไป คำนี้ช่างเป็นคำตอบที่แสนปวดใจของพี่น้องสิบล้อเป็นอย่างดีนักแล้วว่ามันคืออะไร?และพวกเขาต้องเผชิญปัญหาอุปสรรคอะไร?
...และที่สำคัญพวกต้องเตรียมตัวเตรียม…(ปัด)ใจไว้ล่วงหน้าแล้วจ้า!
:ปีศาจขนส่ง