แกร็บ ผู้นำซูเปอร์แอปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ ซแว็ก อีวี (SWAG EV) ผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ร่วมเปิดตัวโครงการ “Grab Green Wheels X SWAG: รถพลังงานสะอาด ปราศจากมลพิษ”นำร่องทส่งเสริมการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้บริการจัดส่งอาหารผ่านแกร็บฟู้ด (GrabFood) เพื่อสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดและลดมลพิษบนท้องถนน
พร้อมเดินหน้าทดลองใช้จักรยานยนต์ไฟฟ้าจำนวน 50 คันในกลุ่มพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อเป็นทางเลือกในการให้บริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษารถ ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กว่า 100 ตันภายใน 1 ปี
ก.พลังงาน ดันเต็มกำลัง
นางเปรมฤทัย วินัยแพทย์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน ประธานเปิดตัวโครงการฯ กล่าวว่าการผลักดันประเทศไทยให้เปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้าถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของกระทรวงพลังงาน เนื่องจากเป็นแนวทางการใช้พลังงานทางสะอาดที่ช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเชื้อเพลิงและน้ำมัน รวมถึงปัญหามลพิษอย่างฝุ่นละออง PM 2.5 อย่างยั่งยืน
“ปัจจุบันแนวโน้มการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับทิศทางของเทคโนโลยีประหยัดพลังงานและกระแสการลดใช้น้ำมันที่ก่อมลพิษ ซึ่งกระทรวงฯ ได้เร่งขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเตรียมการด้านระบบไฟฟ้าเพื่อรองรับการใช้ไฟฟ้าที่จะเพิ่มมากขึ้น และสนับสนุนให้มีการพัฒนาสถานีอัดประจุไฟฟ้าเพิ่มขึ้น”
รองปลัดกระทรวงพลังงาน ระบุอีกว่ากระทรวงพลังงานรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ภาคเอกชนอย่าง แกร็บ ประเทศไทย และ ซแว็ก อีวี เล็งเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะการนำมาใช้ในการให้บริการจัดส่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ทั้งยังร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ของยานยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้นในสังคม”
“โครงการ “Grab Green Wheels X SWAG: รถพลังงานสะอาด ปราศจากมลพิษ” จะสนับสนุนรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจำนวน 50 คันให้กับพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บฟู้ดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภายในระยะเวลาใน 1 ปี”
รองปลัดกระทรวงพลังงาน ย้ำว่าช่วงเปิดตัวโครงการฯ แกร็บจะคัดเลือกพาร์ทเนอร์คนขับจำนวน 20 คน ก่อนจะขยายจำนวนให้ครบทั้งหมดในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 โดยรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่จะสนับสนุนแก่พาร์ทเนอร์คนขับ คือ รุ่น SWAG EV Type X*
“โดยพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บแต่ละท่านจะได้รับแบตเตอรี 2 ก้อน ซึ่งสามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 70 กิโลเมตรต่อก้อนต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (รวม 140 กิโลเมตร) ใช้เวลาชาร์จไฟ 2 ชั่วโมง 35 นาที และสามารถเร่งความเร็วได้สูงสุด 63 กม.ต่อชม.”
แกร็บ…เพื่อชีวิตที่ดีกว่า
นางสาวเมธิณี อนวัชกุล ผู้อํานวยการธุรกิจแกร็บไบค์และศูนย์อบรมสาขาย่อย แกร็บ ประเทศไทย เผยว่าแกร็บ มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้คนในสังคมภายใต้พันธกิจ Grab For Good หรือ แกร็บ…เพื่อชีวิตที่ดีกว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของเราในการส่งเสริมความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม ผ่านการนำรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ช่วยลดมลพิษทางอากาศมาใช้ในบริการรับ-ส่งอาหารของเรา ซ
“เป็นบริการที่เข้าถึงชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ทั้งยังช่วยลดภาระด้านค่าจ่ายและยกระดับการให้บริการของพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บฟู้ด โดยคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษารถจักรยานยนต์ได้ถึง 50% เมื่อเทียบกับรถจักรยานยนต์ทั่วไป”
นางสาวเมธิณี ระบุอีว่าตลอดระยะเวลาในการดำเนินโครงการฯ แกร็บ และ ซแว็ก อีวี จะร่วมติดตามและวัดผลการใช้งานรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของพาร์ทเนอร์คนขับอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมและการลดค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และพร้อมเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนในการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับพลังงานสะอาดและผลักดันให้เกิดการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในวงกว้างต่อไป
“เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการประกาศความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการผลักดันให้เกิดการรณรงค์และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดอื่นๆ ภายใต้โครงการ Grab Green Wheels ในอนาคต”
ไทยมีศักยภาพผู้นำระบบขนส่งพลังงานสะอาดในอาเซียน
นายเจนสัน เชน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซแว็ก อีวี จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าและพันธมิตรหลักของโครงการฯ กล่าวว่าด้วยแผนงานที่ชัดเจนของภาครัฐและการลงทุนของภาคเอกชน ประเทศไทยจึงมีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำด้านระบบขนส่งพลังงานสะอาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซแว็ก อีวี มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านการพัฒนาตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และได้ร่วมมือกับพันธมิตรแบรนด์ระดับโลกในการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง
“เราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำอย่าง แกร็บ ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันยอดนิยมในประเทศไทย โดยเฉพาะในบริการรับส่งอาหาร จะช่วยสร้างความมั่นใจในด้านสมรรถนะของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงประโยชน์ทั้งในด้านการประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับคนขับและการลดมลพิษ โดยเราคาดว่า โครงการฯ นี้จะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 100 ตันตลอดระยะเวลาของโครงการ”