จุดพลุไฟแห่งความหวังให้กับประชาชนหลายล้านชีวิตได้เคลิบเคลิ้มพลางอมยิ้มไว้ล่วงหน้าชื่นตาบานตะไทกับเปิดให้บริการถนนที่สวยที่สุดในประเทศไทยสำหรับทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือที่รู้กันจักกันดีในภาษาชาวบ้านเรียกกันติดหูว่า“มอเตอร์เวย์”หมายเลข 6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กม.วงเงิน 8.4 หมื่นล้าน ที่เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 59
และเริ่มเห็นเค้ารางความคืบหน้าด้านโครงสร้างที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและถูกตีแพร่ในทุกทางสื่อแล้วว่าใกล้จะเปิดให้บริการแล้ว แรกเริ่มก่อสร้างก็คาดการณ์จะเปิดให้บริการได้ในปี 63 ต่อมาก็ขยายเป็นปลายปี 64 และล่าสุดขยายเวลาออกไปอีกอย่างเร็วปลายปี 65 หรือต้นปี 66 หรือแม้กระทั่งจะเปิดให้ประชาชนได้ทดลองวิ่งฟรีในบางส่วนที่ก่อสร้างเสร็จแล้วก็ว่ากันไปตามท้องเรื่อง
ทว่า จนแล้วจนรอดประชาชนก็ยังเฝ้ารอความชัดเจนว่าถนนที่สวยงามที่สุดจะเปิดบริการได้เมื่อไหร่กันแน่?
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นปี (13 ก.พ.63)ครม.ก็ไฟเขียวอัตราค่าธรรมเนียมมอเตอร์เวย์เส้นนี้ไปแล้ว โดยระยะทาง 196 กม. 9 ด่านเก็บค่าธรรมเนียม ค่าธรรมเนียมแรกเข้าสำหรับรถ 4 ล้อ ค่าแรกเข้า 10 บาท และคิดเพิ่ม 1.25 บาท/กม. หากวิ่งฉิวยาวทั้งเส้น ค่าบริการอยู่ที่ 255 บาท รถ 6 ล้อ ค่าแรกเข้า 16 บาท และคิดเพิ่ม 2.00 บาท/กม.วิ่งยาวไปทั้งเส้นทางอยู่ที่ 408 บาท และหนักสุดก็พี่น้องรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ค่าแรกเข้า 23 บาท และคิดเพิ่ม 2.88 บาท/กม.วิ่งลากยาวควักจ่ายหนักกว่าชาวบ้านที่ 587.48 บาท
ล่าสุด (21 ก.ค.63)ครม.ก็ไฟเขียวการประมูลการดำเนินงานและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance: O&M) มอเตอร์เวย์เส้นนี้ที่เปิดให้เอกชนประมูลดำเนินการในวงเงิน 33,258 ล้านตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอมา โดยเอกชนที่ชนะการประมูล คือกลุ่ม BGSR คาดกันว่าจะลงลงนามในสัญญาได้ภายในเดือนก.ค. จนแล้วจนรอดการลงในสัญญากับเอกชนก็ยังไม่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
งานงอกลากไส้…เริ่มถามหา!
แม้ความคืบหน้าด้านงานโยธาประมาณเสร็จไปแล้วกว่า 90 % แล้วก็ตาม แต่ทว่าเมื่อช่วงเดือนส.ค.63 ปัญหาใหญ่งานงอกระดับพระกาฬก็มาเยือนกรมทางหลวง และอาจทำให้การก่อสร้างสะดุดและไทม์ไลน์การเปิดให้บริกาล่าช้าออกไปซะแล้ว เมื่อรองอธิบดีกรมทางหลวง(ทล.) “อภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย”ออกมาให้ข่าวกับสื่อบอกบางช่วงอาจต้องปรับแบบใหม่กว่า 10 สัญญาเนื่องจากติดปัญหาแนวเส้นทางป่าสงวน เขตท้องที่จ.นครราชสีมา หลังผู้รับเหมาเข้าพื้นที่สำรวจแล้วพบปัญหาและอุปสรรคในพื้นที่ก่อสร้าง จำเป็นต้องมีการปรับแบบใหม่ในหลายสัญญา
การปรับแบบใหม่กว่า 10 สัญญานั้น อาจต้องของบประมาณในก่อสร้างเพิ่มจากเดิม สร้างความไม่พอใจให้กับเจ้ากระทรวงหูกวาง “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ”เป็นอย่างมาก จนออกโรงกำชับอธิบดีทล.รีบสะสางปัญหาโดยเร็ว และแม้ปมร้อนนี้อธิบดีกรมทางหลวง “สราวุธ ทรงศิวิไล”จะออกมาแก้ข่าวสยบปมร้อนดังกล่าวว่าไม่มีปัญหาอะไร
ขีดเส้นตาย!ธ.ค.นี้ต้องจบ
ห่างจากวันนั้นมาได้เดือนเศษปมร้อนปรับแบบใหม่กว่า 10 สัญญานี้ก็ถูกปะทุขึ้นมาอีกระลอก เมื่อรมว.คมนาคม “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ได้สั่งการให้อธิบดีทล. เร่งแก้ปัญหาก่อสร้างมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา โดยให้เชิญอาจารย์ด้านวิศวกรรมจากมหาวิทยาลัยต่างๆที่มีชื่อเสียงของประเทศเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการตรวจสอบการปรับรูปแบบงานก่อสร้างจำนวน17 สัญญาจากทั้งหมด 40 สัญญานั้น “ว่าทำไมออกแบบไม่ครบถ้วนและไม่เรียบร้อย ต้องให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนธ.ค.นี้”
พร้อมกับฮึ่มเข้มว่าทั้ง 17 สัญญานั้นมีสาเหตุจากสภาพพื้นที่เปลี่ยนไป บางแปลงสำรวจผิด หากรูปแบบใหม่ทำให้งานเพิ่มจากที่ออกแบบไม่ครบ เป็นการขยายงานจากที่ประมูลไป อาจจะต้องประกวดราคาใหม่ “หากได้ข้อสรุปตอนไหนก่อนถ้าจำเป็นต้องใช้เงินเพิ่มก็ให้รีบจัดทำรายละเอียดเสนอขอใช้งบฯในกรอบวงเงินเดิมที่เหลืออยู่ประมาณ1หมื่นล้านบาท และนำเสนอคณะรัฐมตรี(ครม.)พิจารณาให้แล้วเสร็จและจบเรื่องทั้งหมดให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ เพราะหากไม่จบอธิบดีก็ต้องจบ”
อธิบดีลั่นทดลองวิ่งปลายปี 65 แน่นอน
ทันทีที่รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงหูกวางควันออกหูและลั่นวาจาพลางขีดเส้นตายให้อธิบดีทล.รีบสะสางปัญหาให้ทันกรอบเวลา ไม่รอช้าอธิบดีทล. “สราวุธ ทรงศิวิไล”ก็ต้องออกมาให้ข่าวทันควันว่างานก่อสร้างก้าวหน้ากว่า90%แล้ว แต่มีประเด็นต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการก่อสร้างด้านงานวิศวกรรมจำนวน17 สัญญาจากทั้งหมด40 สัญญา เนื่องจากรูปแบบการก่อสร้างในสัญญาที่ออกแบบไว้ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง เช่น เดิมแบบเป็นพื้นราบ แต่หน้างานจริงเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ต้องทำเป็นสะพานข้าม บางตอนต้องเพิ่มโครงสร้างพื้นให้แข็งแรงกว่าเดิม หรือบางตอนต้องเยียวยาชาวบ้าน ด้วยการก่อสร้างถนนคู่ขนานให้สัญจรได้ หรือบางพื้นที่ต้องผ่านเชิงเขา
“อีกทั้งในบางตอนต้องปรับแบบให้ตรงตามข้อกำหนดของพื้นที่ราชการ เช่น พื้นที่ข้ามคลองชลประทาน ของกรมชลประทาน เป็นต้น โดยยืนยันว่าการปรับแบบไม่ได้มีปัญหาเรื่องบุกรุกทีป่าสงวนหรือเขตอุทยานแห่งชาติแต่อย่างใด แต่เป็นการปรับแบบที่เกิดปัญหาในหน้างาน”
อธิบดีทล.ระบุอีกว่าเวลานี้กำลังเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดรอบคอบว่าจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมหรือไม่ หากต้องเพิ่มก็จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) แต่ไม่เกินกรอบวงเงินที่เหลืออยู่ประมาณ1หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ยืนยันว่างานโยธาก่อสร้างสายบางปะอิน-โคราชจะแล้วเสร็จทั้งหมดพร้อมเปิดทดลองวิ่งช่วงปลายปี 65 แน่นอน
คาดทุกเรื่องจบภายในธ.ค.นี้ตามที่สั่งการมา
ขณะที่ปมปัญหาการลงนามในสัญญา O&M มอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราชที่หลายฝ่ายมองว่าอาจะเป็นปมปัญหาหนึ่งที่ฉุดรั้งการก่อสร้างและการเปิดให้บริการล่าช้าออกไป ก่อนหน้านี้ก็ทางกรมทางหลวงย้ำหนักย้ำหนาจะสามารถลงนามสัญญากับเอกชนผู้ชนะการประมูลได้ภายในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา จนป่านนี้ยังไร้ความชัดเจนว่าจะลงนามไดเมื่อไหร่?
เรื่องนี้อธิบดีทล.ระบุว่าขณะนี้อยู่ระหว่างรออัยการสูงสุดส่งผลการตรวจสอบร่างแนบท้ายสัญญากลับมา ขณะเดียวกันได้หารือกับกลุ่มกิจการร่วมค้าบีจีเอสอาร์ เรื่องพื้นที่การส่งมอบว่าจะส่งมอบในส่วนไหนได้ก่อน ซึ่งในภาพรวมไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบตามระเบียบและข้อกฎหมายเพราะไม่ต้องการให้ลงนามในสัญญาไปแล้วยังไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ได้
ต่อประเด็นรมว.คมนาคมมีความเป็นห่วงว่าการปรับแบบดังกล่าวอาจกระทบต่องาน O&Mได้หากมีการลงนามในสัญญาอาจทำให้ส่งมอบพื้นที่บางส่วนได้ช้า อธิบดีทล.บอกว่า “เรื่องนี้ ทล.และกลุ่มบีทีเอสอาร์อยู่ระหว่างหารือร่วมกันเพื่อให้เกิดความรอบคอบและไม่มีปัญหาตามมา คาดว่าทุกเรื่องต้องจบภายในสิ้นเดือนธ.ค.นี้ตามที่ได้รับสั่งการมา”
จากปมปัญหาที่เกิดขึ้นสะท้อนกลับให้เห็นชัดว่าทล.เองต้องถอดบทเรียนความผิดพลาดจากการเร่งก่อสร้างเมกะโปรเจ็กต์โดยไม่ตรวจสอบแบบการก่อสร้างอย่างละเอียดและรอบด้านมากพอ เพราะระหว่างปัญหาในพื้นที่ก่อสร้างจริงกับแบบที่ออกไว้สวยหรูในกระดาษ โดยไม่มีการทบทวนแบบก่อสร้างให้สอดคล้องเป็นปัจจุบัน หรือเท่าทันสภาพเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปจนงานงอกเริ่มถามหา
บทเรียนราคาแพงนี้ประชาชนด่าก็พอรับได้ แต่มันเจ็บกระดองใจก็ต้องที่ต้องที่ถูกนักการเมืองไล่บี้ไล่จี้ 3 เวลาหลังอาหารนี้แหล่ะ!
…จริงหรือไม่จริงมั้ยท่านอธิบดีทล.ที่เคารพ?