หวังช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุ สร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ถนนร่วมกัน และมีความเหมาะสมสอดรับสภาพการณ์ในปัจจุบัน
เป็นข่าวดีสำหรับสาวกไบค์เกอร์ทุกหมู่เหล่าไม่ต้องหาวเรอต่อไปและเตรียมตัวมีใบขับขี่เพิ่มอีกใบหลังผบก.จร.ได้เสนอกรมการขนส่งทางบกทำใบขับขี่บิ๊กไบค์ กำหนดเกณฑ์เบื้องตั้น คือ มีรถขนาด 400 ซีซีขึ้นไป,ต้องอายุ 18 ปีขึ้นไป,ต้องมีใบขับขี่จยย.3-5 ปี,ต้องมับรองแพทย์ยืนยัน,มีใบรับรองจากบริษัทฝึกอบรมขับขี่บิ๊กไบค์ ,ในการสอบปฏิบัติต้องนำบิ๊กไบค์มาสอบด้วย
เพราะล่าสุด (18 ส.ค.63)คณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบผู้ขับขี่บิ๊กไบค์ต้องอบรม-สอบใบบับขี่เฉพาะแยกจากจยย.โดยเป็นมติเห็นชอบ “ร่างกฎกระทรวงการขอและการออกใบอนุญาตขับรถ และการต่ออายุใบอนุญาตขับรถ” แก้ไขเพิ่มเติมจากร่างที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
โดยมีการเพิ่มเติมข้อกำหนดให้ผู้ที่ประสงค์จะขับรถจักรยานยนต์ที่มีกำลังสูง (Big bike) ต้องผ่านการอบรมและทดสอบการขับรถตามที่อธิบดีประกาศกำหนดเป็นการเพิ่มเติม อันจะส่งผลให้สามารถช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน สร้างความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่และประชาชนผู้ใช้ถนนมิให้เกิดการบาดเจ็บหรือสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน และมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน โดยรจะมีผลบังคับใช้ทันทีหลังพ้น 120 วันนับแต่ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา
เรียกได้สาวกไบค์เกอร์เฮลั่นหลังผลักดันมานานหลายปี ต้องยอมรับครับว่าเมื่อก่อนใครขับบิ๊กไบค์นี่ถือว่าไม่ธรรมดาและผู้พบเห็นต้องชายตามอง เพราะมีผู้ใช้เฉพาะกลุ่มยังไม่เป็นที่นิยม อีกทั้งยังราคาแต่ละคันค่อนข้างแพงบางคันเทียบกับรถยนต์แพงกว่าเสียอีก ทว่า ถึงกาลบัดนาวมันเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังเท้าไปแล้ว เพราะบิ๊กไบค์นับวันเป็นที่นิยมแพร่หลาย แถมบรรดาค่ายรถหลากยี่ห้อต่างยกพลขึ้นบกแห่ตั้งโรงงานผลิตแข่งขันในไทยชนิดฝุ่นตลบ ทำให้มีรถบิ๊กไบค์รุ่นใหม่ๆคลอดจากโรงงานเรื่อยในราคาที่ไม่ไกลเกินเอื้อม กลายรถเป็นซื้อง่ายขายคล่อถอยออกมาซิ่งเกลือนเมือง
ทว่า ผลร้ายที่ตามมาเป็นกระแสเชิงลบมากกว่าบวก ด้วยสมรรถนะบิ๊กไบค์ที่เร็ว แรง ทะลุนรกแตกรวมถึงน้ำหนักที่มาก ส่งผลให้ผู้ขับขี่ทั้ง “หน้าใหม่ไร้ประสบการณ์”และหน้าเก่าบาดเจ็บล้มตายไปแล้วหลายราย เนื่องจากความคึกคะนองฮึกหาญบ้าบิ่นแต่ไร้ทักษะ-ความรับผิดชอบ ที่สำคัญไม่คุ้นกับสมรรถนะของรถ หากเกิดอุบัติเหตุเปอร์เซ็นต์โอกาสตายเป็นผีข้างถนนค่อนข้างสูงว่ากว่ารถประเภทอื่น
ส่งผลให้ยังไม่มีการกำหนดขอบเขตรถอย่างชัดเจน กระทบชิ่งถึงผู้ขับขี่และเจ้าหน้าที่บ้านเมืองต่างก็ปวดกบาลตามๆกันในแง่การใช้งานหรือการดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย ไม่แปลกประหลาดอะไรที่ประเด็น “ใบขับขี่บิ๊กไบค์”จะถูกกระชากลากถูวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง นำไปสู่การผลักดันไล่บี้ให้กรมขนส่งฯจัดให้มีการอบรม-สอบใบขับขี่เป็นการเฉพาะ
จริงอยู่แม้ไม่ใช่ “ทางออก-ทางแก้”การเกิดอุบัติเหตุได้สิ้นเชิง เพราะต้นตอการเกิดอุบัติเหตุหลักใหญ่อยู่ที่ “สันดานแย่ๆ”ของคนขับที่ไร้จิตสำนึกไร้ยางอายไร้วินัยจราจร หาใช่เพราะต้องมีใบอนุญาตใบขับขี่เพียงใบเดียวไม่ แต่อย่างน้อยก็เป็นด่านแรกเพื่อคัดกรองและจัดระเบียบคนที่ไม่มีความรู้ความสามารถออกไปป่วนและสร้างความเดือดร้อนให้กับเพื่อนร่วมทาง
จริงมั้ยครับสาวกบิ๊กไบค์?