ขสมก.กางสัญญาจ้างเอกชนเดินรถตามแผนฟื้นฟูกิจการ ตั้งการ์ดเงื่อนไขเข้ม รถใหม่อายุใช้งานไม่เกิน 2 ปีใช้พลังไฟฟ้า (EV) –NGV ติดตั้งอุปกรณ์และระบบ E-Ticket ,ระบบ GPS ,Wi-Fi พ่วงหลักประกันสัญญาไม่น้อยกว่าคันละ 4 ล้านแถมโทษปรับมหาโหด
นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ หรือ ขสมก เปิดเผยว่าหลักเกณฑ์สมก.ว่าจ้างเอกชนเดินรถตามแผนฟื้นฟูกิจการ ที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปลายเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งการนำรถเอกชนเข้าร่วมถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเดินรถเมล์ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อให้สามารถกำหนดค่าโดยสารในอัตราเดียว 30 บาทต่อวัน มีการเดินรถเส้นทางที่สอดคล้องไม่ทับซ้อนกันเหมือนในอดีตโดยข้อกำหนดว่าจ้างรถร่วมเอกชนเข้าร่วมในแผนฟื้นฟูฯ เอกชนจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ ขสมก. กำหนดไว้ อย่างเข้มงวด โดยผู้โดยสารพี่ใช้บริการจะได้ประโยชน์สูงสุด
“ยืนยันว่าข้อกำหนดที่ออกมานั้นเป็นสัญญาเชิงคุณภาพ เพื่อให้มีกานปฏิบัติตามมาตรฐานเดียวกัน กับบริการของรถ ขสมก. ทั้งในเรื่องของสภาพตัวรถ พลังงานสะอาด ระบบเทคโนโลยีการให้บริการ สภาพความพร้อมของคนขับและพนักงาน รวมถึงการต้องจัดให้มีปริมาณรถวิ่งไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ตามที่กำหนดในสัญญา เพื่อให้เพียงพอในการให้บริการแก่ประชาชนอย่างสม่ำเสมอ”
สำหรับข้อกำหนดที่เข้มงวดให้รถร่วมเอกชนต้องดำเนินการ เช่น ต้องเป็นรถร่วมเอกชนที่ได้รับใบอนุญาตเดินรถจากกรมการขนส่งทางบกในเส้นทางปฏิรูป 54 เส้นทาง ต้องเป็นรถเมล์ไฟฟ้า (EV) หรือรถก๊าซ NGV เท่านั้น ต้องเป็นรถโดยสารใหม่ หรือมีอายุการใช้งานไม่เกิน 2 ปี นับตั้งแต่วันจดทะเบียน ต้องติดตั้งอุปกรณ์พร้อมระบบ E-Ticket / GPS / Wi-Fi มาพร้อมรถ ต้องเดินรถตามเงื่อนไขในสัญญาที่ ขสมก.กำหนด ต้องเป็นรถโดยสารชานต่ำ Universal Design ต้องวางหลักประกันสัญญาไม่น้อยกว่าร้อยละ 5-10 % ของวงเงินตามสัญญา หากทำผิดสัญญาจะถูกริบหลักประกันจำนวนนี้ได้ ต้องจัดหารถสำรอง และต้องมีความพร้อมในการปรับปรุงเส้นทางในอนาคตอีกด้วย