“ไปรษณีย์ไทย”เคียงคู่คนไทย ฝ่าวิกฤติโควิด-19

0
289

การแพร่ระบาดไวรัสมฤตยูมืดโควิด-19 ถือวิกฤติครั้งใหญ่ที่ไม่เพียงแค่ส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจ ยังรุกลามถึงวิถีชีวิตประจำผู้คนในทุกซอกหลืบสังคม หลายธุรกิจหายใจไม่ทั่วท้อง หลายธุรกิจประคับประคองตัว และหลายธุรกิจล้มหายตายจากวงจรธุรกิจไทย

แต่ทว่า ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19ก็ย่อมมีโอกาสที่ติดมากับเจ้าไวรัสร้ายเช่นกัน มี่หลากหลายธุรกิจที่ได้อานิสงส์จากวิกฤติครั้งนี้สวนทางกับธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจส่งด่วนอาหาร และธุรกิจโลจิสติกส์ ซึ่งเห็นได้ว่า ‘เศรษฐกิจดิจิทั’ เติบโตมากขึ้น

จากข้อมูลคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ (กสทช.) คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในตลาด e-Commerce ช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 จะมีแนวโน้มสูงขึ้นกว่า 80%

ธุรกิจด้านการขนส่งโลจิสติกส์-ข้อมูลข่าวสาร จึงกลายเป็นฟันเฟืองและตัวกลางสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลในการขนส่งสิ่งของให้กับผู้คนทั่วประเทศ จำเป็นต้องยึดหลักการจัดส่งที่รวดเร็ว ปลอดภัย ราคาเป็นมิตร และเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างดีที่สุด

บนพื้นแผ่นดินไทยคงหนีไม่พ้นราชาส่งพัสดุไทยหมายเลขหนึ่งไทยอย่าง ‘ไปรษณีย์ไทย’ ยังคงเดินหน้าให้บริการเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารและส่งต่อความห่วงใยอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การนำของแม่ทัพใหม่ป้ายแดง ‘ก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ที่สะท้อนมุมมองภารกิจส่งพัสดุท่ามกลางภาวะวิกฤติโควิด-19 และอุณหภูมิการแข่งขันขนส่งโลจิสติกส์ที่ดุเดือดต่อเนื่องทุกปี

เคียงข้างประชาชนแม้เผชิญภาวะวิกฤต

กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปณท สะท้อนมุมมองต่อการรับมือช่วงภาวะวิกฤติไวรัสโควิด-19ว่าไปรษณีย์ไทย เป็นผู้ให้บริการติดต่อสื่อสารของชาติและยังแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและการเคียงข้างคนไทยในทุกสถานการณ์ ซึ่ง ไปรษณีย์ไทย ได้วางแนวทางการดำเนินงานในสถานการณ์ระบาดของ COVID-19 ไว้แล้ว จึงสามารถรับมือกับจำนวนสิ่งของฝากส่งที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากได้ เพื่อให้สามารถเข้าถึงความต้องการของผู้ใช้บริการได้ในทุกสถานการณ์

“จากยอดปริมาณสิ่งของพัสดุที่เข้ามาในระบบที่เพิ่มขึ้น ไปรษณีย์ไทย จึงยกระดับกลยุทธ์ 5 มิติคุณภาพการบริการ ในดีเอ็นเอคนไปรษณีย์เพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุด แบบไม่มีสะดุดให้กับผู้ใช้บริการทุกคนท่ามกลางสถานการณ์วิกฤต ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารและโลจิสติกส์มีบทบาทสำคัญอย่างมาก ไปรษณีย์ไทยจึงยังคงเปิดให้บริการตามปกติและเคียงคู่คนไทยในทุกสถานการณ์ โดยใช้ศักยภาพอำนวยความสะดวก และเกิดความไว้วางใจมากที่สุด”

 เว้นระยะห่างแต่ยังเคียงข้างคนไทย

นายก่อกิจ ระบุอีกว่าหัวใจสำคัญในการให้บริการคือความปลอดภัยและความรวดเร็ว แม้ในสถานการณ์ในภาวะวิกฤต คนไปรษณีย์ยังคงพร้อมให้บริการและตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการได้อย่างทันท่วงที และด้วยบทบาทการเป็นผู้ให้บริการด้านข้อมูลข่าวสารหลักของชาติ เรายังได้บริการคนไทยทุกคน โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อช่วยเหลือและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

“พื้นฐานของธุรกิจบริการที่ใกล้ชิดกับประชาชนคือ ‘ความจริงใจ’ และซื่อสัตย์ต่อผู้ใช้บริการ ไม่เพียงแค่การทำหน้าที่ให้บริการอย่างดีที่สุด แต่สำหรับคนไปรษณีย์ ยังรวมไปถึงการมีปฏิสัมพันธ์และช่วยเหลือชุมชน วิธีคิดเหล่านี้จึงได้หล่อหลอมให้คนไปรษณีย์ ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือส่งต่อของบริจาค หรือแม้กระทั่งไปรษณียบัตรส่งกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ แม้จะเป็นภารกิจที่หนักหนาก็เต็มใจที่จะช่วยเหลือสังคมอย่างสุดความสามารถ”

ความเชื่อมั่นคือกุญแจดอกสำคัญฝ่าวิกฤติ

เมื่อถามว่าอะไรคือกุญแจดอกสำคัญไขความสำเร็จฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปได้ แม่ทัพไปรษณีย์ไทย เปิดเผยว่าความเชื่อมั่นใจของผู้ใช้บริการเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้บริการเลือกใช้บริการ ดังนั้น ไปรษณีย์ไทย จึงต้องการบริการที่ดีเพื่อรักษาความเชื่อมั่นไว้ ซึ่งถือเป็นหลักสำคัญในการให้บริการของคนไปรษณีย์ไทย ทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤติ โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ จะยิ่งย้ำให้เห็นถึงความพร้อมและการเตรียมการที่ดี เพื่อให้ผู้ใช้บริการเชื่อมั่นในความปลอดภัย มีมาตรฐาน

“การเข้าถึงและเข้าใจผู้ใช้บริการเป็นสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังจากผู้ให้บริการ และจะนำไปสู่การมีบริการที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยไปรษณีย์ไทยเดินหน้าพัฒนาบริการเพื่อความพึงพอใจของผู้ใช้บริการสูงสุด ใส่ใจในรายละเอียดเพื่อพัฒนาและส่งมอบบริการที่ดีที่สุด การจัดส่งสิ่งของและเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ที่มีการเติบโตสูงขึ้นมากในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ซึ่งไปรษณีย์ไทย ได้มีแนวทางรับมือในระยะยาว แต่เชื่อว่าจะยังสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดได้อย่างแน่นอน ด้วยการพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดนิ่ง ซึ่งไปรษณีย์ไทยยังมองถึงความรับผิดชอบและการอยู่เคียงข้างสังคมอีกด้วย”

อย่างไรก็ตาม นายก่อกิจ กล่าวสรุปปิดท้ายว่า ไปรษณีย์ไทย ยังเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนความช่วยเหลือไปสู่ประชาชนผ่านมาตรการต่างๆ อาทิ การให้บริการส่งหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ สำหรับผู้ประสงค์บริจาคโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย การเปิดบริการเหมาจ่าย‘ยิ้มสู้-19’ ราคาเดียว 19 บาท ทั่วไทย การอำนวยความสะดวกบริการฝากส่งนอกสถานที่ (Pick up service) ผ่านบุรุษไปรษณีย์และรถยนต์รับฝากส่งของไปรษณีย์ไทย

“ การฝากส่งกำลังใจผ่านไปรษณียบัตรให้กับบุคลากรทางการแพทย์และคนที่รัก โดยสามารถขอรับฟรีได้ทั่วประเทศ บริการส่งยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ อำนวยความสะดวกประชาชนที่มีโรคประจำตัวรับประทานยาประจำ และลดการแพร่กระจายเชื้อและภาระหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ รวมไปถึงโครงการช่วยเกษตรกรกระจายผลผลิตทางการเกษตร ลดปัญหาผลผลิตล้นตลาดช่วยเหลือเกษตรกร ไปรษณีย์ไทย ยืนยันมั่นใจได้และพร้อมอยู่เคียงข้างคนไทยทุกสถานการณ์”