บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท)ประกาศความพร้อมส่งสิ่งของปลายทางระหว่างประเทศในกลุ่มบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศ (EMS World) บริการ ePacket บริการ Courier Post และบริการโลจิสโพสต์ระหว่างประเทศหลังมาตรการคลายล็อกดาวน์รัฐบาลหลายประเทศทั่วโลกและการกลับมาให้บริการอีกครั้งของสายการบิน โดยผู้ใช้บริการจะต้องตรวจสอบสถานะประเทศปลายทางทางเว็บไซต์ www.thailandpost.co.th ก่อนทำการส่งทุกครั้ง ซึ่งบางปลายทางอาจมีความล่าช้ากว่าปกติ
นอกจากนี้ ยังได้เผยสิ่งของประเภทอาหารสำเร็จรูป หน้ากากผ้า เสื้อผ้า เครื่องสาน และผลิตภัณฑ์บำรุงผิว มีปริมาณการส่งผ่านระหว่างประเทศสูงที่สุด เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตผู้คนที่เปลี่ยนไป ไปรษณีย์ไทยจึงได้เตรียมพร้อมการส่งต่อสิ่งของดังกล่าวจากทั้งบุคคลทั่วไปและผู้ประกอบการ เพื่อรองรับปริมาณการใช้บริการของผู้ใช้บริการอย่างเต็มความสามารถ
จากสถานการณ์การควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยรวมทั่วโลกอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้มีการเปิดให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศในหลายเส้นทางอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งการกลับมาให้บริการไปรษณีย์ในหลายประเทศ ประกอบกับมาตรการคลายล็อกดาวน์ของรัฐบาลหลายประเทศทั่วโลก ทำให้ไปรษณีย์ไทยในฐานะผู้ให้บริการด้านการสื่อสารและขนส่งหลักของไทย จึงได้มีประกาศรายชื่อปลายทางและบริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศที่เปิดให้บริการผ่านบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศ (EMS World) บริการ ePacket บริการ Courier Post และบริการโลจิสโพสต์ระหว่างประเทศ ดังนี้
· บริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศ (EMS World) ส่งได้แล้ว 29 ปลายทาง โดยมีปลายทางที่สามารถกลับมาเปิดให้บริการเพิ่มเติม อาทิ ออสเตรีย เบลเยี่ยม บราซิล เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน อังกฤษ สหรัฐอเมริกา
· บริการ ePacket ระหว่างประเทศ ส่งได้แล้ว 5 ปลายทาง ได้แก่ ภูฏาน จีน เกาหลีใต้ รัสเซีย สิงคโปร์
· บริการ Courier Post ส่งได้แล้ว 107 ปลายทาง อาทิ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน
· บริการโลจิสโพสต์ระหว่างประเทศ (Logispost World) ส่งได้แล้ว 31 ปลายทาง อาทิ ออสเตรเลีย จีน อิตาลี ญี่ปุ่น
โดยผู้ใช้บริการสามารถเลือกใช้บริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศให้เหมาะกับสิ่งของและเงื่อนไขที่ต้องการส่งได้ โดยก่อนการฝากส่งสิ่งของไปยังปลายทางต่างประเทศทุกครั้ง ผู้ใช้บริการจะต้องตรวจสอบสถานะประเทศปลายทาง ทางเว็บไซต์ www.thailandpost.co.th เพื่อให้มั่นใจสถานะของการเปิดให้บริการปลายทางต่าง ๆ ซึ่งการขนส่งในช่วงเวลาดังกล่าวอาจมีความล่าช้ากว่ามาตรฐาน เนื่องจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19
นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคสู่วิถีชีวิตแบบใหม่ (New Normal Life) ทั้งการทำงานจากที่บ้าน ลดการปฏิสัมพันธ์ในระยะใกล้ชิด ซื้อสินค้าออนไลน์ การใช้สังคมไร้เงินสด และการใช้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนในชีวิตประจำวัน ทำให้เศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตขึ้น และระบบขนส่งโลจิสติกส์เป็นหัวใจสำคัญในการเชื่อมต่อและขับเคลื่อนสังคมเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน โดยพบว่าสิ่งของประเภท อาหารสำเร็จรูป หน้ากากผ้า เสื้อผ้า เครื่องสาน และผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เป็นสิ่งของที่มีปริมาณการส่งผ่านไปรษณีย์ระหว่างประเทศสูงที่สุด ซึ่ง ไปรษณีย์ไทย ได้เตรียมพร้อมสำหรับการส่งต่อสิ่งของระหว่างประเทศ จากทั้งบุคคลทั่วไปและผู้ประกอบการ เพื่อรองรับปริมาณการใช้บริการของผู้ใช้บริการ
ไปรษณีย์ไทย พร้อมเป็นเสาหลักให้บริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศ และขับเคลื่อนอีคอมเมิร์ซไทยสู่ตลาดสากล และเคียงข้างคนไทยในทุกสถานการณ์