หากจะผ่ายุทธจักรตลาดรถบรรทุกเมืองไทยในเซกเม้นต์สัญชาติญี่ปุ่นต้องหลีกทางให้กับ 2 พี่ใหญ่ “อีซูซุ-ฮีโน่” ที่แต่ละปีกวาดยอดขายเต็มหน้าตักเป็นว่าเล่น โดยสถิติยอดขายรถบรรทุกรวมทุกค่ายปี 62 หลังผ่าน 11เดือน(ม.ค.-พ.ย.) ที่รวบรวมโดยบจก.ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย)
แม้ยอดสถิติยอดรวมเดือน 12 จะยังไม่แจ้งมาก็ตาม ทว่าดูทิศทางลมจาก 11 เดือนแล้วก็พอจะฟันธงฉับๆได้ว่าค่ายไหนรั้งอันดับไหนบ้าง?และไม่น่าจะมีอะไรพลิกล็อคช็อคอันดับในห้วงสุดท้ายปลายปีได้ โดยสถิติยอดขายรวม 11 เดือนพบว่าเบอร์ 1 ตลอดกาลค่ายอีซูซุยังกระดูกแข็งโป๊กไล่กะซวกยอดขายรวม13,955 คันส่วนฮีโน่ก็ไม่ยอมน้อยหน้าโกยไป 11,115 คัน
ส่วนอันดับสามยังตกเป็นของค่ายยูดี ทรัคส์ ที่ยอดขายดีวันดีคืนกักตุนยอดขายอย่างชื่นมื่นไป1,029 คันขณะที่เบอร์สี่เป็นของค่าย Fusoที่นับวันสาละวันเตี้ยลงๆแบ่งไปแบบหายใจไม่ทั่วท้องที่385 คันเมื่อคลี่ดูยอดขายรวม 11 เดือนแล้วไม่ต้องรอดูยอดขายเดือน 12 ฟันธงได้ว่าอันดับ 1-4 รูดม่านปี 62 ไม่เปลี่ยนแปลงจากนี้แน่นอน
ฟากเวทียุโรปแม้ระยะหลังจะมีหลายค่ายร่วมวงสวิงตลาดด้วยก็ตาม ทว่าความยิ่งใหญ่ยังต้องยกให้ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ “สแกนเนีย-วอลโว่ ทรัคส์” 11เดือนผ่านพ้นไปสแกนเนียปั้มยอดขาย 425 คัน วอลโว่ ทรัคส์ตามมาไม่ห่างมากนักสอยไป 384 คัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ จัดไปชิลล์ๆ80 คันคัน ฟากพญาราชสีห์ MAN ล่าพออิ่มท้อง 28 คันคัน
เวทีรถยุโรปปีนี้แม้จะรอลุ้นชี้วัดกันเดือนสุดท้ายระหว่าง “ค่ายวอลโว่กับค่ายสแกนเนีย”ใครกันแน่จะพุ่งทะยานเข้าเส้นชัยพร้อมครอง “เจ้ายุโรป” ปี 62 ก็ตาม แต่เหลือบเห็นยอดขาย 11 เดือนแล้ว ด้วยช่องว่าง 41 คันที่ค่ายสแกนเนียทิ้งห่างค่ายวอลโว่ ทรัคส์ ผู้คร่ำหวอดในวงการกล้าฟันธงไว้ล่วงหน้า ไม่มีอะไรน่าหนักใจสำหรับค่ายสแกนเนียน่าจะเร่งเครื่องเข้าเส้นชัยพร้อมเถลิงแชมป์ “เจ้ายุโรป” 3 ปีซ้อน(60-62)
ส่วนค่ายวอลโว่ ทรัคส์ปี 62 ขึ้นสังเวียนแลกหมัดสู้กับคู่ต่อกรอย่างสแกนเนียได้สมศักดิ์ศรีมาก ไล่จี้ไล่เบียดค่ายเพื่อนบ้านเดียวกันติดๆมาตลอด ถึงกระนั้น ก็ได้แค่เสียวๆสุดท้ายก็เสียท่าค่ายสแกนเนียไปอีกปี คงต้องลุยสู้ศึกแห่งศักดิ์ศรีอีกครั้งในปี 63 โดยมี“บัลลังก์เจ้าตลาดยูโรเปี้ยนทรัค”เป็นเดิมพันเช่นเดิม
ช็อควงการรถใหญ่ส่งท้ายปี 62
ขณะที่ความเคลื่อนไหวแวดวงรถบรรทุกสัญชาติญี่ปุ่นก็ฮือฮาอีกครั้ง เรียกได้ว่าเป็นข่าวใหญ่ช็อควงการรถใหญ่แดนปลาดิบส่งท้ายปี 62 ก็ว่าได้ เมื่อค่ายยักษ์ใหญ่ “อีซูซุ”รุกซื้อกิจการ “ค่ายยูดีทรัคส์”บริษัทในเครือเอบี วอลโว่ สวีเดนในประเทศญี่ปุน มูลค่า 2.50 แสนล้านเยนหรือ 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือตีเป็นมูลเงินไทยก็ปาเข้าไปถึง 6.9 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ (18 ธ.ค.62)อีซูซุ มอเตอร์ ผู้ผลิตรถบรรทุกรายใหญ่ของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า วันนี้อีซูซุ จะเข้าซื้อบริษัทยูดี ทรัคส์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเอบี วอลโว่ของสวีเดนในประเทศญี่ปุนโดยการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในขอบข่ายที่กว้างขึ้นของทั้ง 2 บริษัท คิดเป็นมูลค่าราว 2.50 แสนล้านเยน หรือ 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อีซูซุ มอเตอร์ และยูดี ทรัคส์ เปิดเผยว่า ทั้ง 2 บริษัทจะร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์ที่ทันสมัย เช่น รถบรรทุกแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายจะดำเนินงานร่วมกันเพื่อกระตุ้นยอดขายในตลาดเอเชียอีกด้วย
ขณะที่สำนักข่าวเกียวโตสื่อดังแดนซามูไรก็รายงานเพิ่มเติมว่า การจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของทั้ง 2 ค่ายครั้งสำคัญนี้ถือเป็นครั้งแรกสำหรับค่ายยักษ์ใหญ่อย่างอีซูซุนับตั้งแต่ที่ทางบริษัทได้ระงับการร่วมทุนกับโตโยต้า มอเตอร์เมื่อปีที่แล้ว
ควบรวมทั้ง 2 ค่ายใครได้-เสีย?
พลันที่ข่าวการเทคโอเวอร์ถูกตีแผ่ไปทั่วโลกสร้างความตะลึงและมึนงงอย่างมากในแวดวงรถบรรทุกทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทยเราด้วย พร้อมกับการตั้งข้อสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น?ค่ายยักษ์ใหญ่อย่างอีซูซุถึงกล้าทุ่มเงินมหาศาลซื้อกิจการค่ายยูดี ทรัคส์ ทั้งที่เป็นค่ายรถสัญชาติเดียวกัน ภายใต้ความร่วมมือทั้ง 2 ค่ายนี้สุดท้ายแล้วใครได้-เสีย?
และที่สำคัญผลพวงจากการเทคโอเวอร์สุดช็อควงการรถใหญ่ครั้งนี้ จะส่งผลหรือไม่?อย่างไรบ้าง?ต่อแผนธุรกิจยูดี ทรัคส์ แบรนด์ในเครือวอลโว่ กรุ๊ปในทุกประเทศทั่วโลกของเอเชียรวมทั้งประเทศไทยด้วย
สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักรายงานและวิเคราะห์ตรงกันว่าวอลโว่ และ อีซูซุ เตรียมที่จะลงนามในความร่วมมือนี้กลางปี 2563 ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตรถบรรทุกหนักทั้ง 2 ค่ายร่วมกันเป็นพันธมิตรในการผลิตรถเพื่อการพาณิชย์ในอนาคต โดยภายใต้ความร่วมมือนี้ ค่ายวอลโว่ จะเปลี่ยนถ่ายผู้ผลิตรถบรรทุก ยูดี ทรัคส์ ให้เข้าอยู่ในกลุ่ม อีซูซุ มอเตอร์ อันจะช่วยในการเพิ่มกำลังการผลิตและร่วมมือกันในตลาดรถบรรทุกหนัก
“จากความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ แม้กระบวนผลิตรถบรรทุกยูดี ทรัคส์ จะถูกเปลี่ยนถ่ายเข้าไปอยู่ในกลุ่ม อีซูซุ มอเตอร์ก็ตามา ทว่าอาศัยความแข็งแกร่งทั้ง 2 ค่ายที่มีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อผนึก 2 ยักษ์ใหญ่เข้าด้วยกัน เป้าหมายที่ทั้ง 2 ค่ายคาดหวังจะเดินหน้าสร้างความร่วมมือและความแข็งแกร่งไปด้วยกัน คือการเป็นพันธมิตรในการผลิตรถเพื่อการพาณิชย์ในอนาคต ซึ่งคาดกันทั่วโลกว่าจะสู้กันดุเดือด การร่วมกันทั้ง 2 ค่ายจึงถือวินๆกันทั้งคู่”
สอดคล้องกับแหล่งข่าวระดับสูงจากวอลโว่ กรุ๊ป(ประเทศไทย)รายงานว่าความร่วมมือทั้ง 2 ค่ายนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ส่วนจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและการบริหารจัดการรถบรรทุกยูดี ทรัคส์ในประเทศไทยอย่างไรนั้น หากมีความคืบหน้าและชัดเจนในเรื่องนี้ทางวอลโว่ กรุ๊ป(ประเทศไทย)จะแจ้งอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
หนุนรายได้วอลโว่ กรุ๊ปเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าในปี 2561 ยูดี ทรัคส์ ทำผลกำไรได้ 1.95 พันล้านยูโร หรือราว 6.4 หมื่นล้านบาท แต่จากการบริหารงานภายใต้กลุ่มวอลโว่ ทำให้มีผลกระทบต่อเงินรายได้ของกลุ่มวอลโว่ ในจำนวนที่น้อยจากช่วงปี 2561-2562
ในช่วงปี 2562 คำสั่งซื้อของ ยูดี ทรัคส์ ทั่วโลกลดลง 45%ขณะที่รายได้ของ ยูดีทรัคส์ ก็เริ่มลดลงถึง 16% นับแต่ปี 2561 ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดรถบรรทุก วอลโว่ ก็ลดลงจาก 16.2%ในไตรมาสที่ 3 เหลือเพียง 15.2% ปลายปี 2562
“วอลโว่ ประเมินว่าหากสามารถแยก ยูดี ทรัคส์ ให้ไปอยู่กับค่ายอีซูซุได้ ภายในกลางปี 2573 จะทำให้เพิ่มเงินรายได้ของกลุ่มวอลโว่ ราว 162 ล้านยูโร หรือราว 5.3พันล้านบาท รวมทั้งสามารถเพิ่มกระแสเงินสดได้ถึง 1.7 พันล้านยูโร หรือราว 5.6 พันล้านบาท”
บริบทสุดท้ายแล้วแม้ว่ารายละเอียดควบรวมทั้ง 2 ค่ายจะยังไม่เป็นสะเด็ดน้ำก็ตาม แต่คาดกันว่าการควบรวมนี้จะช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ค่ายให้ดีมากขึ้น และเป็นการสร้างความแข็งแกร่งไปด้วยกัน อีกทั้งเพื่อหาวิธีการที่จะช่วยให้ ยูดี ทรัคส์ สามารถเจริญเติบโตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดในประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งทั้ง2 ค่ายเตรียมที่จะพัฒนารถบรรทุกขนาดเบา และขนาดกลางสำหรับอนาคตต่อไป
ส่วนในประเทศไทยนั้น “ค่ายอีซูซุ”ถือเป็นมหาอำนาจรถใหญ่ครองความเป็นเจ้าตลาดรถญี่ปุ่นบนผืนแผ่นดินไทยตลอดกาลสมฉายา “Isuzu King of Trucks”ตัวจริงเสียงจริง เมื่อประเทศต้นทางยนตรกรรมสุดแกร่งรุกคืบเทคโอเวอร์ยูดี ทรัคส์ จะมีการเปลี่ยนแปลงเชิงโคร้างสร้างบนผืนแผ่นดินไทยในมิติไหนอย่างไรนั้น?
… ปูเสื่อรอ!