บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าจากทั้งพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป (Thermal Power Business) และพลังงานหมุนเวียน (Renewable Power Business) ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสะสมและผลการดำเนินงาน งวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2562 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท โดยจ่ายจากกำไรที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งผู้รับเงินปันผลจะไม่ได้รับเครดิตภาษี ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นในการรับเงินปันผลระหว่างกาล (Record date) ในวันที่ 13 กันยายน 2562 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 25 กันยายน 2562
นายสุธี สุขเรือน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทฯ มุ่งเน้นการเติบโตและความมั่นคงทางธุรกิจด้วยการบริหารพอร์ตการลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมแก่ผู้ถือหุ้น ดังจะเห็นจากอัตราการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในงวดนี้ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนถึงกำไรและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ เนื่องมาจากการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าทุกแห่งอย่างมีประสิทธิภาพ โดยขณะนี้ บริษัทฯ มีกำลังผลิตจากทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและพลังงานหมุนเวียนที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว (Commercial Operation Date: COD) รวม 2,170 เมกะวัตต์เทียบเท่า ทั้งยังพร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการที่มีอยู่ให้ COD ได้ตามแผนและมองหาโอกาสการลงทุนเพิ่มเติมอยู่เสมอ”
ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี ในฐานะเอกชนไทยรายแรกๆ ที่เข้าไปลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าในแถบเอเชีย บ้านปู เพาเวอร์ฯ จึงสามารถต่อยอดการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในประเทศที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านอุตสาหกรรมพลังงานแห่งเอเชีย-แปซิฟิก และมีการเติบโตสูง เช่น สาธาณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ตามกลยุทธ์ Greener & Smarter สำหรับจีน บริษัทฯ ถือเป็นผู้ลงทุนธุรกิจไฟฟ้าจากไทยรายเดียวที่สามารถพัฒนาและเพิ่มกำลังผลิตได้อย่างต่อเนื่อง ความสำเร็จล่าสุดคือการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จีซิน (Jixin) ที่ COD แล้ว ทำให้ปัจจุบันมีกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนจากพลังงานแสงอาทิตย์ในจีนรวม 177 เมกะวัตต์ ด้านธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนรวมอยู่ที่ 233 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นที่ COD แล้ว 37 เมกะวัตต์ และอีก 196 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการพัฒนาและก่อสร้างซึ่งจะทยอย COD จนครบภายในปี 2566สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม กำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนรวม 80 เมกะวัตต์ คืบหน้าตามแผนที่วางไว้ โดยระยะที่ 1 กำลังผลิต 30 เมกะวัตต์ อยู่ในขั้นตอนคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างและติดตั้งเพื่อ COD ให้สำเร็จภายในปี 2563
“นับจากวันนี้ถึงปี 2566 เรามีกำลังผลิตรวมแล้วถึง 2,894 เมกะวัตต์เทียบเท่า โดยมีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนร้อยละ 17 และจะยังพิจารณาโครงการโรงไฟฟ้าเข้ามาเพิ่มเติมเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายกำลังผลิตกว่า 4,300 เมกะวัตต์เทียบเท่า พร้อมสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ภายในปี 2568 เราเชื่อว่า ด้วยการบริหารกระแสเงินสดอย่างแข็งแกร่ง การผนึกพลังร่วมภายในกลุ่มบ้านปูฯ เพื่อเสริมขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจไฟฟ้า และการปักหลักลงทุนในประเทศที่เราเชี่ยวชาญและมีโอกาสทางธุรกิจสูง บ้านปู เพาเวอร์ฯ จึงพร้อมเดินหน้าตามหลักความสมดุลด้านพลังงานของโลก และสอดคล้องกับทิศทางการเติบโตในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงแก่ผู้มีส่วนได้เสียตามเป้าหมายที่เรายึดมั่นเสมอมา”นายสุธี กล่าวปิดท้าย