“แมลง” โกอินเตอร์ตีตลาดโลก สร้างรายได้ปีละ 1 หมื่นล้าน :วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป

0
570

                 สินค้าส่งอออกกลุ่มสินค้าทางการเกษตร  นอกเหนือจากสินค้าหลักๆ แล้ว  แต่ยังมี “แมลงชนิดต่างๆจัดเป็นสินค้าส่งออกสร้างรายได้ข้าประเทศอีกทางหนึ่งด้วย   ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์ชี้ช่องทางว่า  ไทยมีโอกาสส่งออก “ แมลง ” และ “ผงโปรตีนจากแมลง ”  โดยเจาะตลาดประเทศสวิตเซอร์แลนด์   เพราะเป็นเทรนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด    แมลงเป็นแหล่งโปรตีนขั้นดี   เหนือนอกจากโปรตีนจากเนื้อสัตว์  

                      ถึงวันนี้ “แมลง” ได้กลายเป็นสินค้าโกอินเตอร์เป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการไทยในการเพิ่มยอดการส่งออกในเวทีการค้าโลก  ล่าสุด  การส่งออกแมลงไปตีตลาดโลกก้าวหน้าไปถึงไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มผู้บริโภคในต่างประเทศนิยมบริโภคเมนูแมลงไทยสู่เมนูสุดล้ำแค่ไหน    

                       วิศิษฐ์  ลิ้มลือชา  นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปและรองประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแหงประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า   แมลงที่กินสามารถรับประทานได้  และเป็นสินค้าส่งออกคือ “ จิ้งหรีด”  จากนั้นก็มีเพิ่มขึ้นเป็นแมลง ” รถด่วน หรือ “หนอนไม้ไผ่”  นอกจากนั้นมี ตั๊กแตน ดักแด้  ปลอก หนอนนก  การบริโภคแมลงเท่ากับได้บริโภคโปรตีนจากเนื้อสัตว์อื่น ที่สามารถทดแทนและต้นทุนการเลี้ยงต่ำกว่า   ดังนั้น จึงเป็นโอกาสดีของ ธุรกิจแมลงไทย ที่สามารถส่งออกแมลงทอดกรอบหรือแมลงในรูปแบบการป่นเป็นแป้งเพื่อปรุงอาหารทั้งรูปแบบอาหารเสริม, เครื่องดื่มและอาหารอื่นๆ

                   “แมลงจะเป็นทางเลือกใหม่ มีราคาถูกและสามารถหาได้ง่ายตามท้องถิ่นในประเทศต่างๆ เช่น จิ้งหรีด ตั๊กแตน และอื่นๆ จึงเป็นข่าวดีสำหรับเกษตรกรไทยจะสามารถส่งออกแมลงได้มากขึ้น โดยปัจจุบันทั่วโลกให้การยอมรับแมลงกินได้ของไทยประมาณเกือบ 20 ชนิด เช่น ดักแด้หนอนไหม หนอนไม้ไผ่ แมงดานา ตั๊กแตน แมลงกระชอน จิ้งโกร่ง และจิ้งหรีด โดยเฉพาะตั๊กแตนสามารถขอเครื่องหมายฮาลาลได้ด้วย   

                  “ทั้งยังได้เตรียมหารือกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในการจัดทำ แผนส่งเสริมการส่งออกแมลงกินได้ไปยังตลาดต่างๆ ทั่วโลกแบบครบวงจร เพราะมั่นใจว่าในอนาคตแมลงกินได้จะเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญและจะช่วยสร้างรายได้ที่ดีแก่เกษตรกรผู้เลี้ยง”

                   ทั้งนี้ ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการออกมาตรฐานการเพาะเลี้ยงแมลง (GAP) ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเกษตรกรผู้ที่จะตั้งฟาร์มในการเลี้ยงแมลงกินได้ อย่างไรก็ตาม  ภาคเอกชนจะร่วมมือกับภาครัฐในการผลักดันการส่งออกแมลงกินได้อย่างเต็มที่ ล่าสุด ยังพบว่าผู้ประกอบการได้มีการพัฒนารสชาติของแมลงกินได้ในรูปแบบป่นเป็นแป้งเพื่อปรุงอาหาร เช่น รสต้มยำ, วาซาบิ, แป้งเค้ก, คุกกี้ และจิ้งหรีดเคลือบช็อกโกแลต เป็นต้น

                    นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปกล่าวอีกว่า  ปัจจุบันกลุ่มประเทศแถบยุโรปมองว่า อนาคตประชากรจะล้นโลก อาหารโดยเฉพาะโปรตีนการจะเลี้ยงไก่ หมู วัว ก็อาจจะไม่เพียงพอสำหรับคนที่มีรายได้น้อย สิ่งที่จะมาทดแทนได้นั่นคือแมลงและทดแทนได้เร็วที่สุด  เพราะระยะเวลาการเลี้ยง และพื้นที่ก็น้อย   อย่างไรก็ตาม  ทุกวันนี้การส่งออกแมลงมีหลากหลายรูปแบบ  ถ้านำไปประกอบการอาหารการส่งออกดำเนินการ 2 รูปแบบ นั่นคือ การแช่งแข็งไปก่อน หลังจากนั้นจึงนำไปแปรรูป หรือวิธีการ “บดเป็นผง”  หรือหากส่งออกไปทางยุโรปก็จะทำการ “อบ” เพราะไม่ชอบการ “ทอด”  เนื่องจากผู้บริโภคชาวยุโรปอยากรับประทานแมลงแบบกรอบๆ เป็นอาหารรับทานเล่น 

                   นอกจากนี้ ยังนำแมลงเป็นอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง โดยนำแมลงที่เป็นผงก่อนแล้วนำไปผสมกับอาหารชนิดอื่น เพื่อให้มีคุณค่าทางโปรตีนเพียงพอ รวมทั้ง อาหารสำหรับคนส่วนผสมสำคัญก็จะใช้แมลงเป็นโปรตีน  ทุกวันนี้เราจะเห็นสินค้าแมลงอบในร้านสะดวกซื้อต่างๆเป็นของรับประทานเล่น แม้ทุกวันนี้ราคาอาจจะแพง แต่ถ้ามีผู้บริโภคมากขึ้นอาจจะแพง แต่การที่ราคาแพงเกิดยังมีขบวนการผลิต

รายได้ปีละ 1 หมื่นล้านเติบ โตต่อเนื่อง   

                   อย่างไรก็ดี  ขณะที่เราขบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับ  โดยทางสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรมและการเกษตรแห่งชาติ (มกอช.) ได้ออกแบบระบบมาตรให้กับผู้ประกอบการเมื่อปีที่แล้ว  เกษตรกรสามารถนำมาใช้ได้  เมื่อมีมาตรฐานดังกล่าวหมายถึงการสร้างมั่นใจกับผู้บริโภคได้มาก  เกี่ยวกับกรรมวิธีการเลี้ยงแมลงให้ปลอดภัยปลอดจากสารพิษต่างๆ  แมลงตามธรรมชาติอาจเกาะตามต้นไม้อาจติดสารเคมีได้  แต่ปัจจุบันการเลี้ยงแมลงต่างๆ ในฟาร์มเลี้ยงมีการควบคุมตั้งแต่การให้อาหารไปจนถึงนำไปเป็นอาหารสำหรับบริโภค   ดังนั้น ความปลอดภัยเริ้มต้นจากฟาร์มเลี้ยงแมลง  รวมทั้ง ขบวนการผลิตต่างๆ 

                    ส่วนตลาดส่งออกแมลงในปัจจุบันนี้ตลาดในโซนอาเซียเป็นที่รู้จักและบริโภคมากที่สุดอยู่แล้ว    แต่ตลาดระดับพรีเมี่ยมเป็นตลาดยุโรป อเมริกา   ซึ่งอัตราการเติบโตจากสินค้าประเภทแมลง ในระยะเวลา 5 ปีย้อนหลัง เติบโตปีละ 20 %  หรือคิดเป็นมูลค่าปีละ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่น่าสนใจ และเป็นสินคาส่งออกที่สามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง  เนื่องจากคนทั่งรู้จักมากขึ้น เข้าใจคุณประโยชน์ และคามปลอดภัยที่ได้โปรตีนจากแมลง   

                    “ คนยุโรปนำโปรตีนจากแมลง โดยเฉพาะนักกีฬาต้องการสร้างก้ามเนื้อ พื้นฐานบ้านเราก็บริโภคอกไก่ และแมลงก็เริ่มเข้ามาสู่นักกีฬา  อนาคตหากมีความต้องการแมลงมาก ก็สามารถเพิ่มพื้นที่การเลี้ยงได้ เพราะใช้พื้นที่น้อยมาก  เพียงแต่ควรอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสม อากาศเหมาะสม  ประการสำคัญการเลี้ยงแมลงต้องอยู่ในโรงเรือนหรือฟาร์มเลี้ยง สามารถควบคุมได้และเพิ่มปริมาณได้ไม่ยาก   ถ้าตลาดโตเร็วคนทั่วไปก็จะมาทำตลาดมากขึ้นตามไปด้วย   ณ วันนี้ ภาครัฐโดยกระทรวงเกษตรฯก็มีความพร้อมระดับหนึ่ง