ชีวิตคนเรานี้มันไม่แน่ไม่นอนจริงๆ วันหนึ่งเคยล้มลุกคลานจนไม่มีที่ยืนในสังคม ทว่าวันดีคืนดีสังคมต้องโค้งคำนับกับความรุ่งโรจน์ที่เกิดจากแรงฮึดลุกขึ้นสู้จนชีวิตประสบความสำเร็จ เฉกเช่นวงล้อชีวิต “เฮียเกรียง-เกรียงเดช ปุ้มกระโทก”กรรมการผู้จัดการ บจก.เจ แอนด์ เค โลจิสติกส์ (2014)
ทวนเข็มนาฬิกากลับไปในวันที่เขาเคยถูกเจ้าหนี้โทรตามจิกทวงหนี้จนต้องปิด-เปิดซิมโทรศัพท์เบอร์แล้วเบอร์เล่า มาวันนี้เขาคือเจ้าของธุรกิจขนส่งในนาม J&K ผู้ให้บริการขนส่งผลไม้รายใหญ่จากไปไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ มีฟลีทรถบรรทุกกว่า 100 คัน เดือนหนึ่งๆขนส่งตู้สินค้าไปจีนกว่า 400 ตู้
คุณเกรียงเดช ปุ้มกระโทก กรรมการผู้จัดการ บจก.เจ แอนด์ เค โลจิสติกส์ (2014) หรือในแวดวงพากันเรียกขาน “เฮียเกรียง” ได้ฉายภาพธุรกิจขนส่งผลไม้ไปจีนว่าถือเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะตลาดจีนถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก ปริมาณความต้องการไม่ต้องพูดถึง ประเทศจีนมีทั้งหมด 36 มณฑล มณฑลหนึ่งใหญ่กว่าประเทศไทย ที่ผมขนส่งไปทุกวันนี้ไม่กี่มณฑลเอง
“ผมส่งผลไม้ไทยไปจีนผ่าน 2 เส้นทางหลัก คือเส้น R3A และเส้น R12 หากถามถึงปริมาณตู้ที่ส่งไปยังจีนมีมากน้อยแค่ไหน เฉพาะเส้นทาง R12 ผมเคยทำได้สูงสุดกว่า 400 ตู้/เดือน พอมาถึงปีนี้ผมเถิดเทิงพลิกตำราเล่มใหม่เริ่มไปบุกเส้น R3A วิ่งไปทางบ่อเต็นบ้างด้วยปริมาณ 10 ตู้ปลายๆต่อวันถือว่าทิศทางสดใสมากๆ ขณะที่สินค้าขาเข้าก็ตอบรับดีด้วยการขนส่งผลไม้จากจีน ไม่ว่าจะเป็นส้มและลูกพลับเพื่อขนส่งไปลงตลาดไท เป็นการดีต่อเราโดยที่ไม่ต้องตีรถเปล่ากลับไทย”
“ผมทำธุรกิจโดยที่ไม่เล็งเห็นผลที่จับต้องได้โดยเร็ว ผมขอกินน้อยๆแต่กินนานๆ ส่วนการดูแลน้องๆพนักงานผมเน้นความเป็นพี่เป็นน้อง ผลตอบแทนที่ผมมอบให้กับพนักงานขับรถรับรองสมน้ำสมเนื้อที่เขาควรจะได้รับต่อเดือน” เฮียเกรียง เล่าถึงแนวคิด-ทางการดูแลพนักงาน
เมื่อถามว่าได้สรรพวิชาผลไม้มาจากไหน ? เฮียเกรียง อมยิ้มพลางบอกว่าวิชานี้เจ้าได้แต่ไหนมา ผมยืนยันไม่มีสอนในสถาบันไหน ผมเคยทำงานกับชาวฮ่องกง มร.แลม ชออัน เจ้าของบจก. สปีด อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์เฟรท มาเป็นเวลา 6 ปี ซึ่งแกเข้ามาเมืองไทยทำการปลูกผลไม้ซะเองเลย โดยผมเป็นหนึ่งใน 9 นักรบที่เข้าไปเรียนรู้ทุกกระบวนการผลิตจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ
“ที่นี่มีทั้งมือปาดมือเก็บมือแพ็คกิ้งครบวงจร เขาเองเป็นคนส่งผมออกไปท่องยุทธจักรกับการเรียนรู้โลกการค้ากับจีน ที่ไหนมีถนนหนทางไปถึงจีนได้แม้ไกลและลำบากเราทะลุทะลวงไปได้หมด ทำให้ผมกลายเป็นคนซุกซนในการอยากรู้อยากเห็นบวกกับนิสัยดื้อขาลุยของผม จนได้วิชาอันแก่กล้ามาต่อยอดธุรกิจของผมในวันนี้”
เฮียเกรียง เล่าต่ออีกว่าตอนนี้ J&K มีรถหัวลากทุกยี่ห้อทั้งหมด 84 คัน มีพนักงานขับรถ 84 คนบวกสแปร์อีก 5 คน ถ้าถามว่าจะเพิ่มหัวลากอีกหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับลูกค้าต้องการให้ผมโต ตราบใดที่ลูกค้าต้องการผมก็ไม่อาจหยุดที่จะเพิ่มได้เรื่อยๆ ส่วนรถร่วมตอนนี้มีแต่คนข้างกายที่เติบโตเคียงคู่ด้วยกันมา ไม่ว่าจะเป็นรถของนายช่างมี 2 คัน ธนนนท์ทรัคฯมี 6 คัน น้องที่รับผิดชอบเรื่องเอกสารอีก 1 โหล
เมื่อไถ่ถามถึงการใส่ใจพนักงานขับรถต้องเติมเต็มศักยภาพและความรับผิดชอบต่องานอย่างไรบ้าง? เฮียเกรียง บอกว่าผมจะปลูกฝังไว้ในสายเลือดเขาให้รักและซื่อสัตย์ในอาชีพนี้ พร้อมสร้างจิตสำนึกและความรับผิดชอบที่ดีต่อหน้าที่และสังคม หน้าที่ของเขาไม่ใช่แค่เป็นพนักงานขับรถที่ดีเท่านั้นหากแต่ต้องดูแลสินค้าของผมด้วย
“ตลอดเส้นทางการขนส่งนอกเหนือจากความรับผิดชอบอาชีพหลังพวงมาลัย พอจอดก็ต้องดูสถานะของผลไม้ด้วย อย่าลืมราคารถหัวลากบวกหางรวมถึงมูลค่าผลไม้รวมแล้วหลัก 10 ล้าน ดังนั้น ต้องปลูกฝังความรับผิดชอบให้กับเขา ดูให้พี่นะ ดูให้ผมนะ ดูให้เฮียนะ มีอะไรให้รายงานนะ”
เมื่อถามคำสุดท้ายว่าที่เฮียมี-เป็นและยืนหยัดอยู่ได้ ณ วันนี้ เพราะอะไร? เฮียเกรียง ตอบชัดๆว่า เพราะนิสัยที่ดื้อบวกด้วยพลังความบ้า ผมรักในอาชีพของผม สนุกและเพลิดเพลินกับมัน ไม่คำนึงถึงว่าจะได้ค่าจ้าง-ผลตอบแทนกลับมาเท่าไหร่ นี่คือตัวตนที่แท้จริงของผม
“ระยะเวลา 2 ปีมานี้ผมขยายธุรกิจของผมแบบก้าวกระโดด บางครั้งผมยังกลัวใจตัวเองที่เป็นคนมีบุคลิก-จิตใจแบบนี้ ผมก้าวไปเร็วมากจากกลไกคือลูกค้าของผมเองนี่แหล่ะเป็นแรงส่งอย่างดีเยี่ยม”
เนื้อใน “นิสัยดื้อ-บ้า” ในสายตาใครต่อใครอาจมองในแง่ลบ ทว่า สำหรับ “เฮียเกรียง”เขากลับพลิกเป็นพลังบวกให้เขา…..มีวันนี้ได้! นี่แหล่ะ “เฮียเกรียง-เกรียงเดช ปุ้มกระโทก”
ข้าน้อย ยอมใจและขออนุญาตตำจอกในเนื้อใน “นิสัยดื้อและบ้า”ของเฮียเกรียง ครับ!
:ขันธ์ธีร์