สแกนเนีย เผยระบบเครื่องยนต์พร้อมรองรับน้ำมัน B20 หนุนนโยบายภาครัฐและการเติบโตในธุรกิจโลจิสติกส์ไทยอย่างต่อเนื่องและให้บริการพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นายสถิตย์ ริยะตานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการหลังการขาย บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวว่า การเจริญเติบโตในธุรกิจโลจิสติกส์ของไทยในปัจจุบัน มีการพัฒนาการใช้ระบบพลังงานทางเลือกมากขึ้น และจากการที่รัฐบาลมีนโยบายให้หันมาใช้น้ำมันไบโอดีเซล B20 นั้น ทำให้ผู้ประกอบการขนส่งหลายแห่งสนใจเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงทางเลือก
“ปกติน้ำมัน B20 จะมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันสูงกว่าน้ำมันดีเซลเล็กน้อย ดังนั้นสแกนเนียได้คิดพัฒนาโปรแกรมระบบในการฉีดน้ำมันที่หัวฉีดสำหรับรถบรรทุกและรถโดยสาร เพื่อช่วยให้ประหยัดพลังงาน และใช้งานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากเดิม ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการปรับแต่งนี้เล็กน้อย และจะต้องเป็นรถสแกนเนียที่ผลิตตั้งแต่ปี 2008 ขึ้นไป นำมาเข้าศูนย์บริการเพื่อเปลี่ยนอะไหล่บางส่วน รวมถึงลงระบบซอฟต์แวร์ใหม่ ซึ่งลูกค้าสามารถพูดคุยสอบถามรายละเอียดกับเราก่อนได้”
นอกจากนี้ นายสถิตย์ ระบุอีกว่าภาพรวมของสแกนเนียทั่วโลก ได้มีนโยบายในการเลือกใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Sustainable Transport) เป็นหลัก มีการพัฒนาเพื่อช่วยให้ระบบการขนส่งของเราสะอาดปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการจราจรติดขัด และลดอุบัติเหตุ การผสานอย่างลงตัวระหว่างเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมพร้อมและเพิ่มประสิทธิภาพของยานพาหนะ เป็นพื้นฐานของโซลูชั่นของเรา ซึ่งจะสามารถเพิ่มผลกำไรให้กับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ชูหลัก 3 ประการพัฒนาสู่ระบบขนส่งยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม นายสถิตย์ ได้ฉายภาพให้เห็นถึงจุดยืนของสแกนเนียเพื่อการพัฒนาสู่ระบบการขนส่งอย่างยั่งยืนว่าสแกนเนียมีหลัก 3 ประการเพื่อพัฒนาไปสู่ระบบการขนส่งอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย 1.การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy efficiency) หรือก็คือความประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง 2.พัฒนาการใช้พลังงานทางเลือกและระบบขับเคลื่อนโดยไฟฟ้า(Alternative fuels and electrification และ3.พัฒนาระบบขนส่งอัจฉริยะและปลอดภัย (Smart and safe transport)
“จากหลักเหล่านี้ สแกนเนียได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่สามารถลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้ได้อย่างมาก ซึ่งด้านผลิตภัณฑ์สแกนเนียเป็นผู้ผลิตรถขนาดใหญ่รายแรกในยุโรปที่นำเครื่องยนต์มาตรฐานการปล่อยไอเสียยูโร 6 เข้ามาใช้จริงในตลาด และรถหลากหลายรุ่นที่รองรับพลังงานทางเลือกได้หลากหลายรูปแบบ รวมถึงล่าสุดกับระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า โดยทั้งหมดมีอัตราประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีมากและปล่อยปริมาณไอเสียที่ต่ำมาก เมื่อรวมกับการออกแบบภายนอกตามหลักอากาศพลศาสตร์ และเทคโนโลยีสนับสนุนการขับขี่ของรถบรรทุกรุ่นใหม่สแกนเนีย ช่วยให้อัตราประหยัดเชื้อเพลิงดีขึ้นถึงร้อยละ 5 เลยทีเดียว”
ไม่หยุดนิ่ง!พัฒนางานบริการหลังการขาย
อย่างไรก็ดี นายสถิตย์ กล่าวทิ้งท้ายว่าด้านบริการ สแกนเนีย พัฒนาการบำรุงรักษาเพื่อการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ (Flexible maintenance)ช่วยให้การบำรุงรักษารถยืดหยุ่นเหมาะสมตามการใช้งานของแต่ละคัน และระบบบริหารจัดการฟลีทรถ หรือ (Fleet Management System) ช่วยให้ลูกค้าที่มีรถจำนวนมากทราบได้ว่ารถแต่ละคันปฏิบัติงานอยู่บริเวณใด มีอัตราการใช้เชื้อเพลิงเป็นอย่างไร พฤติกรรมการขับขี่แต่ละคันเป็นแบบใด และยังสามารถนำผลมาวิเคราะห์และปรับปรุงเพื่อพัฒนาในการขับขี่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
“อีกทั้งสแกนเนีย ยังมีสัญญาซ่อมและบำรุงรักษา (Repair and Maintenance Contract) ช่วยให้ลูกค้าดำเนินธุรกิจโดยไม่ต้องกังวลกับเรื่องรถ มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมและบำรุงรักษาคงที่ คาดการณ์ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เรามีบริการฝึกอบรมพนักงานขับให้มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลกำไรธุรกิจให้ลูกค้า และเพื่อพัฒนางานบริการหลังการขาย สแกนเนีย ในประเทศไทยได้จัดกิจกรรมพิเศษ ที่เรียกว่า Professional Maintenance Competition ซึ่งเป็นกิจกรรมแข่งขันเพิ่มทักษะ และศักยภาพด้านการบำรุงรักษารถสแกนเนีย ซึ่งจัดให้มีขึ้นทุกศูนย์บริการสแกนเนียทั่วประเทศไทย โดยมีระยะดำเนินโครงการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม จนถึงเดือนกรกฎาคมนี้”