สนข..ออกโรงแจงญี่ปุ่นยังไม่ล้มร่วมทุน “ไฮสปีดเทรน กรุงเทพ-เชียงใหม่”

0
196

หลังเป็นข่าวแพร่สะพัด”ไทยฝันค้าง”ญี่ปุ่นเมินลงทุน “รถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ – เชียงใหม่” วงเงินลงทุน 4 แสนล้านบาท อ้างเป็นสมบัติของประเทศชาติที่รัฐบาลไทยต้องลงทุนเองทั้งหมด ยันไม่เข้าไปร่วมลงทุนส่วนงานก่อสร้างและงานวางระบบ รวมถึงงานจัดซื้อตัวรถและซ่อมบำรุง ส่วนงานบริหารและการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์รอบสถานี (TOD) ยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะเข้ามาร่วมลงทุน ควบคู่การส่งเสริมความรู้เทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงเพื่อผลิตบุคลากรรองรับในอนาคต ไปก่อนนี้แล้วนั้น

จนถูกวิพากย์วิจารณ์และร้างความสับสนให้กับสังคมสรุปแล้วโครงการในฝันของคนไทยจะพังครืนจริงหรือ?

ล่าสุด กระทรวงคมนาคม ออกโรงแจงความคลาดเคลื่อนของโครงการดังกล่าวยันญี่ปุ่นไม่ล้มร่วมลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ พร้อมเดินหน้าตั้งคณะทำงาน 2 ฝ่าย (ไทย-ญี่ปุ่น) เร่งศึกษาให้ได้ข้อสรุปอย่างรอบคอบเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนเและเป็นประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย

นายสราวุธ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่าข่าวที่ถูกนำเสนอไปดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลคลาดเคลื่อน ขอยืนยันว่ากระทรวงคมนาคม (คค.) และกระทรวงที่ดินโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (MLIT) ได้ร่วมลงนามในบันทึกความร่วมมือการพัฒนาระบบรางระหว่างไทย-ญี่ปุ่น (MOC) เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2558 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนารถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ โดยได้เริ่มทำการศึกษาความเหมาะสมของโครงการระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2558 แล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน 2560

ปัจจุบันกระทรวงคมนาคม (คค.) และกระทรวงที่ดินโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (MLIT) อยู่ระหว่างการหารือเรื่องรูปแบบการลงทุนโครงการร่วมกัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปเนื่องจากมีรายละเอียดหลายประเด็นที่ต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ ทั้งในส่วนของงานก่อสร้างและงานวางระบบ รวมถึงงานจัดซื้อตัวรถและการซ่อมบำรุง โดย คค. และ MLIT ได้มีการหารือร่วมกันครั้งล่าสุดในคราวประชุมระดับรัฐมนตรีด้านคมนาคม เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2561 โดยฝ่ายไทยยังยืนยันว่าฝ่ายญี่ปุ่นควรร่วมพิจารณาลงทุนกับฝ่ายไทย (Joint Investment) เนื่องจากผลการศึกษาขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) สรุปว่า ต้องมีการพัฒนาพื้นที่ตามแนวเส้นทางและพื้นที่รอบสถานี (TOD) ร่วมด้วย จึงจะเกิดความคุ้มค่าในการลงทุน ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวต้องอาศัยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของญี่ปุ่น ดังนั้น
การตัดสินใจลงทุนในโครงการนี้รัฐบาลไทยจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

อย่างไรก็ตาม ในการหารือล่าสุดฝ่ายไทยได้เสนอให้ฝ่ายญี่ปุ่นพิจารณาใช้รูปแบบการดำเนินงานในลักษณะเดียวกับการลงทุนในโครงการรถไฟความเร็วสูงเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา (Texas High-Speed Railway Project) เมื่อปี พ.ศ. 2558 ที่ลงทุนผ่าน Japan Oversea Infrastructure Investment Corporation for Transport and Urban Development (JOIN) โดยมอบหมายให้คณะทำงานทั้ง 2 ฝ่าย (ไทย-ญี่ปุ่น)ร่วมกันศึกษาและหารือในรายละเอียดดังกล่าว เพื่อให้ได้ข้อสรุปเรื่องการร่วมลงทุนในโครงการนี้โดยเร็วต่อไป