“กุ้ง”เป็นสัตว์เศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากเกษตรผู้ประกอบการเป็นจำนวนมาก จนพัฒนากลายเป็นอุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้งกระจายไปทั่วทุกภาคของประเทศ
ขณะที่ปัจจัยสำคัญการเลี้ยงกุ้งอยู่ที่การบริหารจัดการฟาร์ม ในการเตรียมบ่อ การเลี้ยงในระบบน้ำโปร่ง มีการดูดสิ่งปฏิกูลออกจากบ่อ เลี้ยงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และใช้ลูกกุ้งที่มีคุณภาพต้านทานโรค
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือCPF ซึ่งเป็นบริษัทรายใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมเลี้ยงกุ้งชนิด กุ้งขาวแวนนาไม โดยดำเนินกิจการภายใต้โครงการ “ฟาร์มกุ้ง บางสระเก้า” ซึ่งเปิดดำเนินการมากว่า 10 ปี กระทั่งจนประสบความสำเร็จ
ปัจจุบันฟาร์มแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็น “ฟาร์มต้นแบบ” ที่เลี้ยงกุ้งปลอดสาร เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นฟาร์มในโรงเรือนระบบปิด ตั้งอยู่ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี บนพื้นที่ประมาณ 600 ไร่
อย่างไรก็ตาม กว่า 10 ปีของการบริหารจัดการ โดยเป็นฟาร์มระบบปิดที่ได้มาตรฐาน จนสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศกลยุทธ์การดำเนินงานอย่างไร ถึงวันนี้จึงประสบผลสำเร็จกลายเป็นฟาร์มต้นแบบ
เปรมศักดิ์ วนัชสุนทร รองกรรมการผู้จัดการบริหารบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การเลี้ยงกุ้งของฟาร์มกุ้งบางสระเก้า เราดำเนินงานเป็นฟาร์มในระบบปิด และขบวนการผลิตสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ปลอดภัยต่อผู้บริโภค หลังจากเปิดตัวโครงการถึงวันนี้ส่งผลทำให้ฟาร์มซีพีเอฟเองกลายเป็นผู้นำการผลิต “กุ้งขาวแวนนาไม” เนื่องจากเรามีการเลี้ยงกุ้งปลอดเชื้อโรคกุ้งทุกชนิด ขณะเดียวกัน ในต่างประเทศเองซีพีเอฟลงทุนพัฒนาให้เป็นพันธุ์กุ้งของเมืองไทย ฟาร์มกุ้งบางสระแก้ว ตั้งอยู่ที่ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี
“ที่นี่ได้ชื่อว่า เป็นฟาร์มกุ้ง “ต้นแบบ ” ที่พัฒนาต่อเนื่องครอบคลุมพื้นที่ 600 ไร่ เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา ลักษณะการเลี้ยงกุ้งเป็นโรงเรือนที่มีหลังคาหรือเรียกว่า เป็นฟาร์ม “ระบบปิด” สามารถป้องกันพาหนะเชื้อโรคกุ้งได้ทุกชนิด”
ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญการผลิตเลี้ยงกุ้งจะต้องตอบโจทย์ต่างๆดังต่อไปนี้ ปัจจัยสำคัญประการแรก ได้แก่ การผลิต ลดความเสี่ยง ต้นทุนการผลิต ประการที่สอง มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคไม่ใช่ยาปฏิชีวนะ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยเหล่านี้ถือเป็นหัวใจหรือปัจจัยสำคัญที่สุด โครงการเลี้ยงกุ้งฟาร์มปิดบางสระแก้ว ซึ่งเป็นอีกโครงการหนึ่งที่ซีพีเอฟพัฒนาขึ้นมาและประสบความสำเร็จจนถึงทุกปัจจุบันนี้
เปรมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การเลี้ยงกุ้งในฟาร์มระบบปิดแตกต่างกับฟาร์มเลี้ยงกุ้งทั่วไป หากย้อนหลังเมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา CPF ริเริ่มพัฒนามีการลองผิด –ถูก ระยะหนึ่ง จึงพบว่า การลงทุนแบบไหนถึงจะเหมาะสมถึงจะสามารถพัฒนาต่อไป นั่นคือ เราต้องการลงทุนโครงการฯบางสระแก้ว ด้วยการทำเป็นบ่อเลี้ยงกุ้งเล็กพื้นขนาด 2 ไร่ ระบบโรงเรือนปิดเป็นการลงทุนที่เหมาะสม ประการถัดมาขบวนการเตรียมน้ำหลีกเลี่ยงสารเคมี คือ การนำระบบการกรอง Ultra Filtration ( UF) มาใช้ การกรองทำหน้าที่กรองเชื้อโรค อีกทั้ง เรายังใช้เทคโนโลยีใช้สารเคมีล้างระบบกรองเชื้อโรค
นอกจากนี้ ยังใช้ระบบพัฒนาการจัดการน้าภายในบ่อเลี้ยงกุ้ง โดยนำเทคโนโลยี ไบโอฟลอค ( Biofloc Technology ) ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยพัฒนาในการจัดการของเสียงในระบบการเลี้ยงกุ้งที่ใช้การเดิมจุลินทรี ที่ผ่านมา เราทำการวิจัยและตัดเลือกสายพันธุ์ที่มีประโยชน์ต่อกุ้ง และมุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยต่อผู้บริโภค รวมทั้งการผลิตยังลดการใช้น้ำ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่มากับน้ำได้ เพราะฉะนั้น ความจำเป็นในการใช้ยาปฏิชีวนะจึงไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป ส่วนการเลี้ยงกุ้งระบบเปิดจะไม่มีหลังคาปิด โรคร้ายวันหนึ่งเป็นไปได้ว่าจะมีนกบินมาแล้วนำเชื้อโรคร้ายลงในบ่อเลี้ยงกุ้ง
“ อนาคตอาจจะมีโอกาสพัฒนาให้ดีกว่านี้ เพราะที่ผ่านมา การเลี้ยงตามโครงการเลี้ยงกุ้งบางสระเก้า โดยเฉพาะดำเนินการทำเป็นบ่อขนาดเล็ก พื้นที่บ่อละ 2 ไร่ เราไม่พบความเสียหาย CPF มีพันธุ์กุ้งปลอดโรคและโตเร็ว ทั้งหมดจึงช่วยทำให้ความเสี่ยงน้อยลง การเลี้ยงได้ผลผลิตสม่ำเสมอ อนาคตจะดำเนินฟาร์มให้เล็กลง แต่การเลี้ยงง่ายขึ้น ความเสี่ยงต่ำ ตรวจย้อนกลับได้
“ การผลิตกุ้ง กระทบสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ลูกค้าหลาย ๆ ประเทศจะสอบถามเราว่า เราผลิตแบบไหนอย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม การส่งออกกุ้งแข่งขันในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดกลุ่มประเทศ EU -ขณะนี้อาจจะเสียเปรียบ เพราะประเทศไทยถูกตัด GSP ดังนั้น การแข่งขันกับประเทศที่ไม่ถูกตัดสิทธิ GSP อย่างเวียดนามหรือประเทศที่ยังไม่ถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีอากร (GSP ) ภาษีนำเข้าอาจจะแตกต่างกันประมาณ 10 – 14 % แต่ในส่วนประเทศอังกฤษ เรายังส่งออกกุ้งไปขาย เนื่องจากมีความเชื่อมั่นระบบการผลิตการเลี้ยงกุ้งจากฟาร์มของซีพีเอฟ” เปรมศักดิ์กล่าวในที่สุด