ซุกปัญหาใต้พรม!

0
189
แม้จะเป็นข่าวเล็กๆที่สอดแทรกเข้ามาในช่วงที่ประชาชนคนไทยกำลังร่วมแสดงความยินดีปรีดากันถ้วนหน้ากับความสำเร็จของปฏิบัติการช่วยเหลือ 13 เยาวชน “ทีมหมูป่าอคาเดมี” ที่ติดอยู่ใน “ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน” นานกว่า 17 วันที่ถือเป็น ปฏิบัติการสุดหินยิ่งกว่า  Mission Impossible 

แต่เมื่อ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. ได้แถลงข่าวว่า กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทาคโนโลยี (บก.ปอท.) ได้รวบตัวชายหนุ่มวัย 31 ปีดีลเลอร์ขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ปลอมแปลงบัตรประชาชน “ลุงตู่- พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯ ไปลงทะเบียนซิมโทรศัพท์ไปหลายต่อหลายครั้งในห้วงเดือน มีนาคม-พฤษภาคม 2561 ก่อนนำซิมไปขายให้ลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็นต่างชาติแล้วก็ทำเอาทุกฝ่ายแตกตื่น…

หลายคนอ่านแล้วก็ให้สมน้ำหน้าหนุ่มคิดสั้นรายนี้ที่เล่นกับใครไม่เล่น ดันมาเล่นกับ “ลุงตู่” ซะได้ แต่หลายคนก็อุทาน ขนาดนายกฯยังถูก “ล้วงตับ”ปลอมแปลงเอกสารไปลงทะเบียนซิมการ์ดได้อย่างง่ายดายแล้วประชาชนคนไทยจะเหลืออะไร?

แต่สำหรับแวดวงโทรคมนาคมที่ติดตามข่าวสารนี้ต่างก็ให้ฉุกคิดขึ้นมาทันใด มันเป็นไปได้อย่างไรที่บริษัทผู้ให้บริการมือถือจะปล่อยให้มีการลงทะเบียนซิมการ์ดใหม่ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้  

ก็ในเมื่อ กสทช.ตีฆ้องร้องป่าวว่าได้ดีเดย์การลงทะเบียนซิมใหม่ “ซิมอัตลักษณ์” ที่กำหนดให้ผู้ลงทะเบียนซิมจะต้องลงทะเบียนด้วยระบบการตรวจสอบอัตลักษณ์ ทั้งใบหน้าและสแกนลายนิ้วมือ หรือ Finger print ที่ศูนย์บริการของผู้ให้บริการ หรือตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศตั้งแต่ 15 กุมภาพันธ์ 2561 โน้นแล้ว

โดยกสทช.ยืนยัน นั่งยันว่าระบบการลงทะเบียนซิมอัตลักษณ์ใหม่ที่ว่าจะป้องกันการสวมรอย ปลอมแปลงการนำซิมการ์ดไปก่ออาชญากรรม เพราะผู้ลงทะเบียนจะต้องยืนยันและพิสูจน์ตัวตนผ่านระบบที่ กสทช. และผู้ให้บริการมือถือร่วมกันจัดทำขึ้นมา

แล้วเหตุใดจึงปล่อยให้เกิด “ช่องโหว่”ปล่อยให้ใครก็ไม่รู้สวมรอย “ลุงตู่”ไปลงทะเบียนซิมการ์ดไปก่อเหตุกันได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ และไม่ใช่แค่ใบสองใบ แต่มากถึง 55 ใบ ซึ่งไม่รู้ว่าต่างชาติที่นำเครื่องมือถือลุงตู่ไปใช้นั้นได้ไปก่อเหตุสร้างวีกรรมวีรเวรอะไรไว้บ้า เที่ยวไปสั่งใครดูด “ส.ส.ไร้กึ๋น”มาเข้าพรรคเป็นฐานในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือเปล่าก็ไม่รู้!

ยิ่งเมื่อบริษัท เรียลมูฟ ในเครือทรูมูฟ ออกมายืนยันด้วยว่า ได้ตรวจพบความผิดพลาดที่เกิดขึ้นซึ่งยืนยันว่าไม่ได้มาจากระบบลงทะเบียนของบริษัท แต่มาจากระบบลงทะเบียน แชะผ่านแอปพลิเคชั่นที่กสทช.ผุดขึ้นมาเอง โดยหวังจะเชื้อเชิญชวนผู้คนให้มาลงทะเบียนผ่านระบบดังกล่าวด้วยแล้ว ก็ยิ่งชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องที่มาจากองค์กรกำกับดูแลเอง 
แต่ที่ทำเอาทุกฝ่าย “อึ้งกิมกี่”หนักเข้าไปอีก ก็เมื่อเลขาธิการ กสทช.ออกมายอมรับเองว่า ระบบลงทะเบียนซิมใหม่ ที่ดีเดย์มาตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ 61 ผ่านมาวันนี้ เพิ่งจะกระดิบๆไปได้แค่ 10% ลงทะเบียนได้แต่ศูนย์บริการขนาดใหญ่เท่านั้น 
ทำให้สังคมต้องย้อนกลับมาถาม กสทช.ว่าหลังตีปี๊บทำคลอดหลักเกณฑ์ “ซิมอัตลักษณ์” ออกมาเสียดิบดีตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ 2561 เหตุใดจนถึงวันนี้เรื่องที่ควรจะขับเคลื่อนให้เดินหน้าถึงยัง”ย่ำอยู่กับที่” ไม่มีความคืบหน้า เอาได้ ภารกิจหลักที่ควรต้องดำเนินการกลับ “อืดเป็นเรือเกลือ” แต่กับกรณีถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2018 ที่เป็นแค่จ๊อบฝากของภาครัฐกลับกุลีกุจอออกหน้าวารพัด
ที่สำคัญยังก่อให้เกิดข้อกังขา ที่ผ่านมากสทช.ได้ลงไปตรวจสอบการดำเนินการตามประกาศ กสทช.ว่าด้วยการลงทะเบียนระบบอัตลักษณ์ของผู้ให้บริการมือถือที่ตนเองสั่งการลงไปนี้มากน้อยเพียงใด
นี่หากไม่เกิดเรื่องอื้อฉาวเอากับ “ลุงตู่” ขึ้นมา ประชาชนคนไทยคงไม่มีโอกาสได้รับรู้เลยว่าประกาศกสทช.เรื่องการบังคับใช้ระบบลงทะเบียน “ซิมอัตลักษณ์” ที่ว่านั้นยังคงถูกซุกเอาไว้ใต้พรมไม่มีการขับเคลื่อน ขยับไปไหนกลายเป็นแค่กระดาษเช็ดตูด ประกาศส่งเดชกันไปอย่างนั้น 
จริงไม่จริงท่านเลขาธิการ กสทช.!!! 
:เนตรทิพย์