ไบโอดีเซล B20…เกาไม่ถูกที่คัน!

0
14984

กลายเป็น Talk of the town ทันทีหลังราคาน้ำมันพุ่งไม่หยุด โดยเฉพาะดีเซลที่พุ่งเฉียด 30 บาท/ลิตร สร้างความเดือดร้อนผู้ประกอบการขนส่งทุกหย่อมหญ้า จนต้องพาเหรดบุกกระทรวงคมนาคม-พลังงานเรียกร้องรัฐเร่งหามาตรการบรรเทาความเดือดร้อน พร้อมจ่อขอปรับราคาค่าขนส่งเป็นพรวน

แม้ภาครัฐโดยกระทรวงคมนาคมมอบหมายกรมการขนส่งทางบก ประสานงานและขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะขนส่งสินค้าให้แตะเบรกปรับราคาขนส่งออกไปก่อน โดยให้ติดตามมาตรการสนับสนุนของภาครัฐที่จะคลอดออกมาเร็วๆนี้

ฟากกระทรวงพลังงานก็ออกโรงแจงมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประกอบการ พร้อมสั่งอุ้ม ‘ดีเซล’ ตรึงราคาไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยยอมทุบคงคลังเงินกองทุนน้ำมันฯ 3.1 หมื่นล้านบาทอุดหนุน และยืนยันสามารถอุดหนุนลาดได้ถึง 10 เดือน พร้อมเร่งผลักดันให้กลุ่มรถโดยสารสาธารณะ-รถบรรทุก-เรือโดยสาร หันมาใช้“ไบโอดีเซล B20” ที่ถูกกว่าลิตรละ 3 บาท ซึ่งจะได้ฤกษ์เปิดจำหน่ายต้นเดือนก.ค. นี้เป็นต้นไป

ล่าสุด คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต(ฉบับที่ 4) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยกรมสรรพสามิตกำหนดอัตราภาษีน้ำมันดีเซล B20 อยู่ที่ 5.152 บาท/ลิตร ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อ2 พ.ค.2561 และ 8 มิ.ย.2561

โดยป็นการเห็นชอบแนวทางการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล B20 นี้พื่อเป็นกลไกส่งเสริมใช้ดีเซลที่มีส่วนผสมไบโอดีเซลมากขึ้น เป็นการช่วยเหลือและสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนค่าบริการขนส่ง-ค่าโดยสารสาธารณะ โดยกรมธุรกิจพลังงานจะหารือผู้ค้าน้ำมัน-ผู้ประกอบการรถบรรทุกขนาดใหญ่เพื่อประชาสัมพันธ์การใช้ B20ในอันดับต่อไป

หวยที่ออกเป็น“ไบโอแดีเซล B20”ภาครัฐโดยกระทรวงพลังงานกำลังตีปี๊ปหวังเพิ่มทางเลือก-ลดต้นทุนค่าขนส่งให้กลุ่มรถบรรทุก-รถโดยสารและเรือโดยสายได้ใช้กันนั้น กลายเป็นปมปัญหาและข้อถกเถียงเป็นวงกว้างถึงคุณภาพ“ไบโอดีเซล B20” ว่าท้ายที่สุดแล้วได้มาตรฐานหรือยัง ? และจะส่งผลกระทบการทำงานของเครื่องยนต์หรือไม่?อีกทั้งยังถูกครหาว่ารัฐกำลังโยนหินถามพลางยื้อเวลาการขอปรับราคาค่าขนส่งที่ผู้ประกอบการกำลังรุกหนักในเวลานี้หรือไม่?

พลังงานฯ เตือนค่าขนส่ง-ค่าโดยสารไม่มีเหตุผลต้องขึ้นถึงสิ้นปี

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่าแม้ทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกเริ่มขยับตัวขึ้น หลังกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันส่งออก(โอเปก)มีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกน้อยกว่าที่เคยระบุไว้ แต่ด้วยมาตรการกระทรวงพลังงานที่เตรียมไว้ด้วยการตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร และมาตรการช่วยเหลือกลุ่มรถบรรทุกและรถโดยสารสาธารณะ ให้สามารถใช้น้ำมันดีเซล(B20) ที่ราคาต่ำกว่าดีเซล(B7) 3 บาท/ลิตร ด้วยมาตรการทั้งหมดนี้จะทำให้การขึ้นค่าขนส่งและค่าบริการรถสาธารณะไม่มีความจำเป็นต้องปรับขึ้นไปจนถึงส้ินปีนี้

“ก่อนหน้านี้ กบง.ได้รับทราบภายหลังที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อ วันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่เห็นชอบการการลดอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตไบโอดีเซลบี 20 ลง 70 สตางค์(สต.)ต่อลิตรตามข้อเสนอกบง.  เพื่อเป็นอีกกลไกหนึ่งร่วมกับกองทุนน้ำมันเ ที่จะลดราคาจำหน่ายน้ำมันB20 ให้ต่ำกว่าB 7 จำนวน 3 บาทต่อลิตร ซึ่งกระทรวงฯได้เตรียมเปิดตัวโครงการจำหน่ายบี 20 ให้กับกลุ่มรถบรรทุก(Fleet) ในวันที่ 2 ก.ค.นี้ระยะแรกจะมีรถบรรทุกเข้าร่วมโครงการ 400 คัน มีสถานีบริการร่วม 7 รายอาทิ ปตท., บางจากฯ,ซัสโก้และไออาร์พีซี”

นอกจากนี้ รมว.กระทรวงพลังงาน ระบุอีกว่าเป้าหมายหลักของการจำหน่าย B 20 คือการดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ(CPO) ส่วนเกินได้เพิ่มขึ้นอีก 400,000 ตันต่อปี เพื่อสร้างเสถียรภาพราคาปาล์มไม่ให้ต่ำกว่าระดับ 3.50 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) ส่วนการลดผลกระทบราคาน้ำมันให้กับกลุ่มรถบรรทุกและรถโดยสารสาธารณะ รวมถึงเรือด่วนเจ้าพระยาและเกษตรกรที่จะใช้กับเครื่องจักรกลการเกษตร ที่จะเข้าร่วมโครงการ  ก็ถือเป็นมาตรการเสริมโดยการจำหน่ายB 20 จะไม่แนะนำให้ประชาชนทั่วไปใช่ เพราะต้องปรับสภาพเครื่องยนต์ก่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ได้กับรถบรรทุกเก่าที่ปรับสภาพแล้วเท่านั้น

เจ๊เกียว ตอกกลับแสบ“ไม่เสี่ยงดีกว่า”

ขณะที่ขาใหญ่รถโดยสารขนส่งอย่าง “เจ๊เกียว-สุจินดา เชิดชัย” นายกสมาคมผู้ประกอบรถรถยนต์โดยสาร สะท้อนมุมมองว่าเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้วที่ผู้ประกอบการไม่ได้ปรับราคาค่าโดยสารนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2559 แต่ราคาน้ำมันก็ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกต้นทุนค่าขนส่ง และที่น่าตกใจพบว่าผู้ประกอบการเลิกกิจการไปกว่า 30 เปอร์เซ็นต์

“แม้เวลานี้กระทรวงคมนาคมยังไม่ให้ผู้ประกอบการปรับราคาค่าโดยสารตามที่เราร้องขอไปก็ตาม แต่หากหลังจากเดือนกรกฎาคมไปแล้วยังไม่สามารถขึ้นค่าโดยสารได้ ทางสมาคมจะเดินทางมาทวงถามความคืบหน้ากับกระทรวงคมนาคมอีกครั้ง”

ส่วนประเด็นแนวทางที่กระทรวงพลังงานแนะนำให้ผู้ประกอบการรถยนต์โดยสารปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ไปใช้ไบโอดีเซลB20 เพราะมีราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซลถึง 3 บาทต่อลิตรนั้น เจ๊เกียว สวนกลับภาครัฐว่าบอกตามตรงเลยนะเรายังไม่รู้ดีถึงคุณภาพของน้ำมันเลยว่ามันยังไง เราจะเอาเครื่องยนต์ราคา 7 ล้านไปปรับปรุงเครื่องยนต์เพื่อเสี่ยงใช้กับน้ำมันดังกล่าวอย่างงั้นหรือ เราคงไม่กล้าและยอมเสี่ยงแน่นอน

“การที่เราปฏิเสธแนวทางแก้ปัญหาของกระทรวงพลังงานนั้น  ก็เพราะเรากังวลอย่างมากถึงคุณภาพของไบโอดีเซล20 ซึ่งอาจมีปัญหาเหมือนรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ หรือเอ็นจีวีเหมือนนโยบายก่อนหน้านี้”

ประมุขสิบล้ออาเซียน “ยู” แนะขาย B100 แทน

ฟากประมุขสิบล้ออาเซียน “ยู เจียรยืนยงพงศ์’ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบรรทุกทางถนนแห่งอาเซียน หรือ ATF  ระบุว่าน้ำมันประเภทนี้เหมาะกับเครื่องยนต์รุ่นเก่าที่มีอายุตั้งแต่ 10  ปีขึ้นไปเท่านั้น เนื่องจากผู้ผลิตยังไม่สามารถพัฒนาไบโอดีเซลให้เป็นไปตามมาตรฐาน JAMA หรือมาตรฐานของสมาคมผู้ผลิตยานยนต์ญี่ปุ่นโดยเฉพาะการปรับปรุงค่า Monocytes ให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดได้ ส่วนเครื่องยนต์ใหม่ในปัจจุบันนี้เขาไม่ใช่กันหรอก เพราะมันเป็นเครื่องยนต์คอมมอนเรลกันหมดแล้ว  ซึ่งมันสุ่มเสี่ยงอาจทำให้เครื่องยนต์พังได้

“ผมอยากเสนอแนะให้ภาครัฐเสนอผู้ค้าปลีกนำน้ำมัน B100 มาจำหน่ายทุกยี่ห้อทุกปั้มเลยดีกว่า เพื่อให้ผู้ประกอบการมีสิทธิเลือกใช้ไบโอดีเซลให้เหมาะสมกับรุ่นและเครื่องยนต์ที่อยู่ใครอยากจะใช้ปริมาณเท่าไหร่ก็ให้นำไปผสมใช้กันเองในถัง เหตุผลก็คือ เพราะเครื่องยนต์ในแต่ละเจนเนอเรชั่นก็แตกต่างกันไปในแต่ละเทคโนโลยี วันนี้รถที่เป็นคอมมอนเรลไม่มีใครเขาใช้ไบโอดีเซลกันแล้ว”   

อย่างไรก็ดี ประมุขสิบล้ออาเซียน กล่าวย้ำอีกว่าหากรัฐอ้างเหตุผลเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์มภาครัฐเองก็ต้องเอาเกษตรกรเป็นตัวตั้ง แต่ถ้าคิดว่าจะนำมาเป็นเหตุผลในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้านราคาน้ำมัน ผมมองว่าเป็นการแก้ปัญหาฉาบฉวย มิหนำซ้ำยังเอาเงินกองทุนมาละลายอีก มันเป็นแนวทางการแก้ปัญหาไม่ตรงจุดเกาไม่ถูกที่คัน

ประธานสหพันธ์ฯโอด“ได้ไม่คุ้มเสีย”

ด้านดร.ทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าจากราคาน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเกือบทะลุ 30 บาท ส่งผลให้ผู้ประกอบการรถบรรทุกต้องแบกรับภาระต้นทุนด้านพลังงานที่สูงจนเกินไปอีกทั้งที่ผ่านมาไม่เคยขอมีการปรับขึ้นมาเกิน 10 ปีแล้ว โดยการปรับราคาค่าขนส่งล่าสุดเมื่อปี 2559

“แม้กระทรวงคมนาคมขอความร่วมมือให้สหพันธ์ฯชะลอการปรับขึ้นราคาค่าขนส่งออกไปก่อน ซึ่งเราก็ให้ความร่วมมือด้วยดี ถึงกระนั้นผมก็ยังมั่นใจและย้ำเสมอการขอปรับขึ้นราคา5% นี้จะไม่กระทบต่อราคาสินค้าอุปโภคและวัตถุดิบการก่อสร้างเนื่องจากเป็นสัดส่วนที่ไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญต่อต้นทุนรวม โดยเฉพาะเมื่อนำมาคิดราคาเฉลี่ยต่อกิโลกรัมแล้วอยู่ที่ราว 0.0014 บาท ซึ่งยังไม่ถึงครึ่งสตางค์เลยด้วยซ้ำ จึงแน่ใจว่าผู้ประกอบการและผู้ขายสินค้าจะไม่สามารถนำเหตุผลดังกล่าวมาอ้างกับประชาชนได้

ส่วนประเด็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการใช้ไบโอดีเซลB20 แทนนั้น ประธานสหพันธ์ฯให้ความเห็นว่าหากเราจะไปใช้ B20 เกรงว่ามันอาจจะทำให้เกิดค่าซ่อมบำรุงเครื่องยนต์จะสูงขึ้นและมีแนวโน้มที่จะเป็นได้  อีกทั้งยังสุ่มเสี่ยงที่จะมีปัญหาในเรื่องของกรองเครื่องยนต์ -กรองโซล่า หรืออาจจะเป็นเรื่องของการสันดาปเครื่อง และอาจส่งผลให้เครื่องยนต์อืดก็เป็นได้

สุดท้ายแล้วทางเลือกที่รัฐกำลังตีปี๊ปในเวลานี้จะกลายเป็น “ทางเลือก” ที่ผู้ประกอบการไม่อยากเลือกไปแล้ว แต่เมื่อโยนหินถามทางสุดซอยแล้วล่ะก็“ทางเลือก”ที่ดีกว่านี้ภาครัฐเองควรที่ต้องสร้างความมั่นใจถึงคุณภาพน้ำมันB20 ว่าสรุปแล้วมันได้คุณภาพแล้วหรือยัง?ยังดีกว่าการดั้นเมฆไปวันๆโดยไม่ยอมฟังเสียงนกเสียงกา

มิเช่นนั้นจะถูกสังคมครหาว่ามาตรการที่พรั่งพรูออกมาเป็นการแก้ปัญหาแบบฉาบฉวย…เกาไม่ถูกที่คัน?