เหลือบเห็นข่าว “เล็กๆ” แต่เนื้อใน “ไม่เล็ก” สักเท่าไหร่ที่ถูกตีแผ่ในทุกช่องสื่อยุคดิจิทัลกับกรณีการทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ กทพ. ขอความร่วมมือผู้ใช้ทางพิเศษโปรดใช้ความเร็วไม่เกินที่กฎหมายกำหนด ควรใช้ความเร็วไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด คือ ทางพิเศษในเขตเมืองไม่เกิน 80 กม./ชม. และทางพิเศษนอกเขตเมืองไม่เกิน 110 กม./ชม.เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของท่านตลอดจนผู้ร่วมทาง
ในการนี้ กทพ. ได้มีการติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็วอัตโนมัติไว้บนทางพิเศษทุกสายทาง เพื่อคุมเข้ม “ความเร็ว” เพื่อความปลอดภัยในการใช้ทางพิเศษ โดยกล้องดังกล่าวจะบันทึกภาพรถยนต์ที่ใช้ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด แล้วจึงประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางด่วน เพื่อจัดส่งภาพการกระทำผิดพร้อมด้วยใบสั่งเสียค่าปรับจราจรให้กับผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถต่อไป
เป็นไงล่ะครับพี่น้อง “งงเป็นไก่ตาแตกเลยมั้ยล่ะ” แก่นแท้การขอความร่วมมือครั้งนี้ บ่งบอกกทพ.จะเดินหน้า“เอาจริงเอาจังแน่แล้ว”กับการเข้มงวดกวดขันกับผู้ใช้รถใช้ถนนที่ทำผิดกฎหมายบนทางด่วนพิเศษเพื่อคนพิเศษอย่างคุณ
แค่ไม่กี่นาทีหลังถูกตีแผ่ในทุกช่องทางสื่อโดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อออนไลน์เท่านั้นแหล่ะครับพี่น้อง เสมือนเป็นการควักมือเรียกแขกในโลกโซเชียลเข้ามาละเลงเป็นเพลง “สหวาจา”วิพากษ์วิจารณ์กทพ.จนเละตุ้มเป๊ะเป็นโจ๊กกองปราบโดยมินัดหมายจนแทบลุกจะเป็นไฟนรกโลกันต์
บ้างก็ว่านี่กทพ.ใช้มันสมองอันปราดเปรืองคิด หรือใช้สัน…คิด? บ้างก็ว่าแล้วจะเสียเงินค่าทางด่วนแล้วไปเข้าแถววิ่ง 80 กม./ชม.หาแม้วน้ำอะไร? บ้างก็ว่าต่อไปจะขี่ควายเทียมเกวียนขึ้นทางด่วนแทนรถล่ะกัน ฯลฯ
ทุกคอมเม้นต์ก็ล้วนแต่ด่าขรมกทพ.กันสุดซอย ไม่เห็นมีคอมเม้นต์ไหนที่อาจหาญกล้าแหกโค้งพร้อมกับออกปากสรรเสริญเยินยอ!
ปิศาจขนส่ง เข้าใจดีถึงการตั้งใจแน่วแน่ต่อการบังคับใช้กฎหมายและเป็นห่วงเป็นใยถึงความปลอดภัยบนทางด่วนของกทพ. แต่ก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่าก่อนจะแจกจ่ายข่าวแจกนี้ไปถึงมือพี่น้องสื่อมวลได้ใช้เหตุผลชั่งน้ำหนัก “คุ้มได้-เสีย”หรือยังว่าผลพวงหลังจากนี้กทพ.จะได้รับอะไรกลับมาระหว่าง “ดอกไม้” กับ “ก้อนอิฐ”?
ลืมคิดให้ละเอียดไปนิดหรือเปล่าว่าแม้จะถูกต้องตามตัวบทกฎหมาย แต่มันบังคับใช้ได้บนพื้นฐานของความเป็นจริงหรือไม่? ไอ้ปมร้อนอยู่ที่การใช้ความเร็วบนทางพิเศษในเขตเมืองต้องใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. 100 คัน กทพ.เคยจดสถิติบ้างหรือไม่วันหนึ่งๆจะมีสักกี่คันที่ทำได้?
เห็นมีแต่วิ่งเกิน 100 กม./ชม. ด้วยกันทั้งนั้น จริงไม่จริง?ตอบมาสิค่ะ? ถ้าจะบังคับ-ขยันขันแข็งกันจริงๆ กทพ.คงต้องเพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางด่วนแล้วล่ะครับ เพื่อรองรับกับคลื่นมหาประชาชนที่จะมาเสียค่าปรับไงล่ะ
หลังเป็นข่าวร่วมเดือนจนป่านนี้กทพ.ก็ยัง “เงียบเป็นเป่าสากฝังครก”ไม่เห็นแจ้งเลยว่าวันหนึ่งมีผู้กระทำผิดกี่คันกี่คนแล้ว?
…หรือแค่หลักการทำงานโง่ๆที่ว่า “ผักชีโรยหน้า”?